หายไปหลายวันอีกแล้ว
เพราะว่า ชีวิต มัวแต่สะเทือนใจเรื่องงาน อย่างมากมาย Y^Y
.
.
เรื่องงาน
ยังต้องใช้การปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม กับผู้คนอีกเยอะ
แต่ที่หนักที่สุด ก็คงเป็นการปรับตัวให้เข้ากับ style การทำงานของคนที่นี่
.
.
ที่นี่ ระเบียบเยอะ ขั้นตอนแยะ
มีหลายแผนกที่เราต้องติดต่อ สื่อสาร
มีหลายคนที่เราต้องติดต่อ ซึ่ง มันทำให้กรุ เครียด _ _”
.
.
เนื่องจากว่า ไม่ชินกะการทำงาน style นี้
ลึกๆแล้วเล่นเอาแอนตี้ เหมือนกัน
แต่ทำไงได้ ในเมื่อชีวิตยังต้องเป็นแบบนี้ก็ต้อง “อดทน”
.
.
วันดี คืนดี ก็เกิดความรู้สึกว่า กรุไม่อยากไปทำงานเลย เซ็ง!!
แต่ก็นั่นแหละ ยังไงก็ต้องไป เพราะ “เงิน”
.
.
หลายๆคนก็เป็นห่วง แล้วก็บอกว่า มันอาจจะเป็นเพราะช่วงแรก
ต่อไป อะไรๆ ก็คงดีขึ้น
.
.
เหรอออออออออ มันจะเป็นอย่างนั้นเหรอออออออออออ
.
.
เรื่องการปรับตัวอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ซักเท่าไหร่
แต่เรื่องหลักการทำงานต่างหากที่ทำให้วิตก
.
.
เชื่อมั๊ย?? สำหรับที่นี่ การทำอะไรผิดแม้แต่นิดเดียว
มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เหมือนคุณไปฆ่าคนตายเลยทีเดียว _*_
.
.
Y^Y ซึ่ง มันเป็นเรื่องยากมากที่เราจะทำอะไรไม่ผิดเลย
.
.
แล้วเราเองมันก็เป็นประเภท ทำงานสะเพร่าละที่หนึ่ง
แค่เข้าไปครั้งแรก ก็เจอ key ทั้ง PO พลาด ทั้ง ราคา ผิดไปหลายแล้ว
.
.
โชคดีที่ยังใหม่ เลยยังไม่ได้เจอใบเตือน
แต่โดนเรียกตักเตือนแล้ว แถมยังโดนขู่ไว้ว่า
“ปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่านี้หน่อยนะ
ที่เรียกคุยวันนี้ เพราะว่าไม่อยากจะบอกเอาวันที่บอกผลว่าไม่ผ่านโปรเพราะอะไร”
.
.
คิดว่าถ้าเป็นคุณ คุณเครียดมั๊ย
สำหรับพรีม เครียดนะ เครียดมาก
((แมร่ง ยิ่งเครียดยิ่ง key ผิด ไปกันใหญ่เลย อยากจะบ้าตาย))
.
.
เจอหัวหน้าเรียกคุยอย่างนั้น แถมทิ่งท้ายไว้ว่า
“พี่ตั้งความหวังกะเราไว้มากนะ อย่าทำให้พี่ผิดหวังล่ะ”
.
.
แน่นอนแหละ น้องที่ทำงานก็บอกว่า
“ก่อนที่พี่จะเข้ามา หนูได้ยินมากว่า หัวหน้าเค้าบอกว่า คนที่จะมาใหม่ smart มาก
ภาษาดี แล้วก็เก่ง แล้วก็เงินเดือนเยอะ”
.
.
Y^Y เอาล่ะสิ เอาที่ไหนไปพูดกันว่ะ
กรุเนี่ยนะเก่ง กรุเนี่ยนะภาษาดี กรุเนี่ยนะเงินเดือนเยอะ
((หรือว่าสำหรับคนที่นี่ได้ขนาดนี้ถือว่าเยอะแล้วกรุก็ไม่เข้าใจ เพื่อนกรุมันได้มากกว่าตั้งเยอะ
ถ้าแมร่งอยู่ที่นี่ กรุว่าแมร่งได้เป็น assist แหงมๆ))
.
.
บ้าไปแล้ว เค้าจะสร้างภาพกรุขึ้นมาอย่างนี้ทำไมกรุก็ไม่เข้าใจ
สร้างภาพและคาดหวังว่าเราต้องเจ๋ง เราต้องแน่ เราต้องมีความสามารถ
.
.
แต่พอกกรุเข้าไปทำงานจริง
แมร่ง!!! ฉิบหายเลย กรุทำงานพลาดแบบ ผู้ใหญ่ไม่ปลื้มเลย
จะอะไรนักหนาว่ะ ไม่เข้าใจ ทำไมเข้าต้องตั้งความหวังกะคนๆนึง
((ที่พึ่งเข้ามาทำงานได้ 2 อาทิตย์ขนาดนี้ว่ะเนี่ย))
.
.
แต่ถึงมันจะเป็นแค่การเริ่มต้น แต่เราก็ทำพลาดแล้ว
เล่นเอาเสีย self มากๆ รู้สึกแย่กับตัวเองมากๆ
จนพาลเอาไปรู้สึกโทษ คนอื่นที่มาตั้งความหวังกะกรุทำไมว่ะ
.
.
ไอ้ครั้นจะบอกว่า จะทำให้ดีที่สุด แต่คนเรามันจะไม่พลาดเหี้ยอะไรเลย
มันจะเป็นไปได้ยังไง กรุอยากถาม
.
.
ตอนนี้เลยทำงานด้วยอาการพารานอยด์ และไม่มีความสุขเลย
.
.
แต่อย่างว่า ยังไงเราก็ต้องพยายาม
ไม่เคยรู้สึกเสียดายงานที่แสนจะสุขสบายของที่เก่า
ไม่เคยรู้สึกผิดที่เปลี่ยนงาน
ไม่เคยรู้สึกโทษตัวเองว่าออกมาจากที่เก่าทำไม
ไม่เคยรู้สึกเสียใจกะการตัดสินใจครั้งนี้
.
.
เพราะถ้าไม่ยอมเปลี่ยนงาน เราก็จะไม่มีทางรู้เลยว่า
จริงๆแล้ว ฝีมือการทำงาน ความละเอียดในการทำงานของตัวเอง
แมร่ง “ห่วย” ในขั้นวิกฤตแล้ว
.
.
การทำงานจากที่เก่า
ไม่เคยสนใจอะไร
ไม่เคยเอาความละเอียดใส่ใจในการทำงาน
ไม่เคยยี่หระ กะการทำงานพลาดแล้วพลาดเล่า
ไม่เคยสนใจว่าลูกค้าจะรู้สึกยังไง
.
.
ไม่เคยมีความรู้สึกผิดที่ทำอะไร แล้วผิดพลาดมากๆ
เช่นอย่างการลืมวางบิลเก็บเงินลูกค้า
แล้วทำให้หน่วยงานต้องโดน post due รับเงินไปเป็นเดือนๆ
.
.
นั่นสิ เราไม่เคยสนใจอะไรเลย วันๆ เอาแต่ทำงานไปงั้นๆ
ไร้หัวใจ ไร้ความรู้สึกรับผิดชอบ
ไร้ความใส่ใจในหน้าที่การงาน
.
.
สักแต่มั่นใจว่าตัวเองทำงานเก่ง เพราะต่อรองกะลูกค้าได้
สักแต่ว่าตัวเองเจ๋ง เพราะสั่งหัวหน้าให้ตามงานให้ตัวเองได้
สักแต่ว่าตัวเองแน่ที่สั่งให้ sale เชิญไปต่อรองกะลูกค้าเรื่อง due เก็บเงินลูกค้าเอง
((ทั้งๆที่ตัวเองลืมวางบิลเอง))
สักแต่ว่าตัวเองแน่เพราะทำงานเร็วไม่เคยทำให้งานลูกค้า shortage จน production มีปัญหา
.
.
ทำงานด้วยความมั่นใจแบบไร้สติ
ไม่เคยได้มองตัวเองเลย ว่าทำงานแย่แค่ไหน
.
.
นี่เป็นสิ่งที่สะสมมาทั้งหมด
และมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราเองเจอปัญหากะหน่วยงานใหม่ในปัจจุบัน
.
.
จะทำไงต่อไปดีว๊า ทำไงถึงจะทำให้มันออกมาดีว่านี้ว่ะ
ทำไงเค้าจะไม่ผิดหวังกะกรุว่ะ แล้วจะทำไง กรุถึงจะทำงานไม่พลาดเลยยยยยว่ะ
.
.
นั่นสิทำไงดีว่ะ ทำไง ทำไง ทำไง Y^Y
.
.