๖.๒๕.๒๕๕๒

.....ภาพของสิ่งมีชีวิตทั้ง 5......

10 วันผ่านไปแล้วสำหรับการทำงานหน้าเตา
ทั้งร้อน เหนื่อย เมื่อยล้า และต้องรีบเร่ง เวลาที่ลูกค้ามี order สั่งพร้อมกันเยอะๆ
.
.
.
อืมมม....ก็ดีสิ ดีไง ลูกค้าเยอะ สั่งสเต็กทานเยอะๆ
นั่นก็หมายถึงรายได้เราจะต้องได้มาเยอะๆเหมือนกัน ^^
.
.
.
10 วันแล้วจากการทำงานแบบไม่ได้พักเลย ((ไม่อยากพักเองแหละ งก!!!))
ไม่ใช่แค่ตัวเองเท่านั้น เด็กแว๊นซ์เองก็เช่นกัน
ที่ต้องมาเป็นลูกมือให้ในเวลาที่เค้าเลิกจากงานประจำในแต่ละวันแล้ว
.
.
.
บางทีก็อยากถามเหมือนกัน....
”ป๊าเหนื่อยมากมั๊ย กลางวันก็ต้องทำงาน ตกเย็นยังจะต้องมาช่วยเค้าอีก”
((พรีมจะเรียกเด็กแว๊นซ์ว่า “ป่าป๊า” เพราะเค้าเป็น ป่าป๊า ของลูกๆทั้ง 4 ของพรีม))
.
.
.
.
พรีมรู้ว่าเด็กแว๊นซ์ คงเหนื่อยไม่น้อย
.
.
เช้า ก็ต้องตื่นแต่เช้า แถมต้องแว๊นซ์ไปทำงานถึงบางนา
เย็น ก็ต้องแว๊นซ์ๆๆๆกลับมาพหลฯ 55อย่างรีบเร่ง
((เพราะอยากมารีบมาช่วยงานเมียเร็วๆ))
.
.
.
เด็กแว๊นซ์ทำหน้าที่ลูกมือได้ดี อย่างไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย
ไม่เคยปริปากบ่นอะไรเลยซักนิด
.
.
.
เด็กแว๊นซ์ยังเป็นคนของเก็บเงิน ทอนเงินแทนพรีม ((ผู้ซึ่งคิดเงินไม่ได้เรื่องเลยซักครั้ง))
ขายของเสร็จ ช่วยเก็บโน่น เก็บนี่ ช่วยคิดเงิน สรุปยอดขายให้ทุกๆวัน
.
.
.
แถมอาหารทุกมื้อที่พรีมกินที่ร้าน ตกเย็นเด็กแว๊นซ์ก็ต้องมาจ่ายให้
แล้วก็เป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวทุกๆเย็นด้วย
.
.
.
ยังไม่พอ เวลาที่เรากลับถึงบ้านพร้อมกัน
ทั้งที่ยังเหนื่อยล้าทั้งคู่
แต่หน้าที่ในการเก็บข้าวของที่ลูกๆเล่นซนกระจายในทุกๆวัน
.
.
เก็บขี้เก็บเยี่ยว ก่ำกั๊ม ((ที่ไม่เคยเยี่ยวและอึ๊ ที่กระบะได้เลย))
ก็ยังเป็นหน้าที่ของเด็กแว๊นซ์อีกนั่นแหละ
.
.
.
พรีมไม่รู้จะขอบคุณป๊ายังไง เพราะทุกๆสิ่งที่ป๊าทำทุกๆๆๆๆๆๆๆๆอย่าง
มันบอกให้พรีมรู้แล้ว ป๊ารักแล้วก็เป็นห่วงพรีมที่สุด
.
.
.
พรีมคงไม่มีอะไรจะพูดมาก
พรีมรู้แค่ว่า พรีมดีใจที่ได้ป๊าเป็นคนรัก แล้วก็เป็นป่าป๊าของเด็กๆ
.
.
.
นี่แหละมั้งที่เค้าบอกว่า
"คนที่รักเรา จะพร้อมอยู่ข้างๆเราและเป็นกำลังใจให้เราเสมอ"
ไม่ว่าเราจะอยู่ในช่วงเวลาไหนก็ตาม
.
.
.
อ้อ!!! แล้วกำลังใจอีกอย่าง
ที่ทำให้เราทั้งคู่หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งทั้งคู่เมื่อกลับถึงบ้านก็คือ
เด็กๆทั้ง 4 ตัว ที่ทำให้เรายิ้มได้ มีความสุขเวลาที่เรามาเจอหน้าพวกเค้า
.
.
.
ไม่ว่าเราจะหายไปไหนมานานแค่ไหน แต่เมื่อกลับถึงบ้านพวกเค้าจะดีใจเป็นที่สุดทุกตัว
v
v
v
น้องพุกลูกสาวสุดที่เลิฟ สุดใจขาดดิ้น

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

. . . . . . . . . . . .

.
.
v
v
v
พี่หริ่งสุดเลิฟของป๊ามัน และน้องก้องอิหมาตัวซน

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

. . . . . . . . . . . . . .
.
.
v
v
v
นี่ก็ก่ำกั๊ม ก่ำเอ๋อ~.~

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.
.
.
แม่รักลูกๆทั้ง 4 แม่รักป่าป๊า ของพวกหนูด้วย
ขอแค่ทั้ง 5 ชีวิตอยู่กะพรีมไปนานๆที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก็พอ ขอแค่นี้แหละ
.
.
.
วันนี้เหนื่อยแค่ไหนก็ต้อง สู้สู้ ใช่ม๊ะ ^^
.
.
.
.
ปล. ตอนนี้ที่อัพ blog เป็นเวลาอีกไม่กี่นาทีจะตี 3 แล้ว
.
.
ปล.1 เลยแอบถ่ายรูปสิ่งมีชีวิตทั้ง 5 บนที่นอน ที่นอนกองรวมกันมาให้ดู
v
v
v
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ปล.2 หลับกันแบบว่า.....ไม่สนใจกรุเลย ^^”
.
.
ปล. 3 พรีมรู้ค่ะว่า ป๊าเหนื่อยมาก พรีมก็เหนื่อย แต่!!!ยังคงไม่หลับ
.
.
ปล. 4 เพราะ เบอร์ดี้กระป๋องแดงยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง แสรดดดดดด U^U
.
.
.

๖.๑๙.๒๕๕๒

.....30 สิ่ง ที่เพิ่งได้รับรู้จากการทำร้านสเต็ก......

ผ่านไปแล้ว 4 วันกับการเป็น chef มือหนึ่ง ((ใช่สิ~~ มีอยู่มือเดียวนี่นา _ _”))
เหนื่อยมากกกกก.....ทำงานไป ล้างของไป มือจะเปื่อยหมดแล้วแหละ
.
.
.
ว่าจะซื้อวาสลีนสำหรับมือมาใช้ก็กระไรอยู่
เดี๋ยวก็ต้องทำอาหารอีก เดี๋ยวมือก็ต้องเปียกน้ำอีก
งานนี้ไข้ 2009 คงไม่ได้แดรกหรอก เพราะว่ากรุล้างมืออยู่ตลอดเวลา _*_
.
.
.
การทำงานที่นี่เพียงเวลา 4 วันต็มๆ ก็พอให้มองเห็นอะไรหลายๆอย่าง
ที่ปรากฏทั้งหน้าร้านแหละหลังร้าน
.
.
.
1. เวลาใช่มีดหั่นผักต้องระวัง ไม่งั้น เล็บหรือนิ้วจะเสียเลือดได้ Y^Y
.
2.ถ้าว่างแล้วก็จะว่างยาว แต่ถ้ามาที ก็จะโดนรุมจากลูกค้าที่มักมาพร้อมกันทีละ 3-4 โต๊ะเสมอ
.
3.แม่ครัว เวลาได้ตะหลิวใหม่ จะดีใจยิ่งกว่าได้เสื้อสวยๆอีก เชื่อป่ะ
.
4.เกย์ ทอม ดี้ มักมาเป็นกลุ่ม แล้วก็เป็นสปีชี่เดียวกันทั้งกลุ่ม
.
5.เนื้อสัตว์ที่ freeze มาต้องใช้เวลา เกือบทั้งวันกว่ามันจะละลาย
.
6.ลูกค้าบางคนไม่รู้ว่า T-Bone มันทำมาจากเนื้อวัว
.
7. แต่บางคนก็ไม่รู้ว่า pork shop ไม่จำเป็นต้องมีกระดูกตัว T ติดอยู่ที่เนื้อก็ได้
((จะให้มีทุกชิ้นได้ไงคร๊าบบบ หมู 1 ตัวมันจะมีกระดูกตัว T ยาวซักแค่ไหนกัน...ว่ะ ~^~))
.
8.เพื่อความอร่อย เราต้องใช้เวลาในการทอดเฟรนซ์ฟรายด์นานพอดู
.
9. การที่ลูกค้ามาทานอาหารอย่างเดิมเหมือนเมื่อวานแสดงว่า ของเราอร่อย ((แม่นบ่))
.
10.พนง.รัฐวิสากิจ สามารถมานั่งกินเหล้า เคล้ากับแกล้มตั้งแต่ 11.00-17.00
((ไม่ทำงานหรือไงแสรดดดด))
.
11. ผู้ชายมักกินสเต็กเนื้อ ผู้หญิงมักกินสเต็กหมู
.
12. พึ่งรู้ว่า คนไทยนี่ก็ชอบกินสลัด แต่ส่วนใหญ่ไม่ชอบหัวหอม และมะเขือเทศ
.
13. แม่ค้าที่ตลาดยิ่งเจริญ 90% หยิ่ง ไม่ง้อลูกค้า
.
14. เวลาโดนลูกค้ารุมมาหลายๆโต๊ะพร้อมๆกัน จะทำอะไรไม่ถูก
บางทีต้องทวนย้ำอยู่นั่นว่า เค้าสั่งอะไร((ก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงต้องรนอย่างนี้ทุกที U^U))
.
15. 39 + 29 + 79 =???? กรุไม่เคยบวกเลขพวกนี้ในใจได้เลย ให้ตายเหอะ
รู้งี้ให้แม่ส่งเรียนคุมองค์มาตั้งแต่ 4 ขวบแระ Y^Y
.
16. แม้ว่าจะได้นอนเวลาเดิม แต่ตื่นสายได้กว่าเดิมกว่า 4-5 ชม.
ก็ไม่ทำให้กรุเลิกขี้เซาแต่อย่างใด ZZzzzz....
.
17. เวลาทำครัวแล้วเหงื่อออกมากๆ ก็พาลจะเป็นลมได้ว่ะ Y^Y
.
18.ถ้าเราใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า พร้อมกันหลายๆตัวในเลาเดียวกัน มันจะทำให้ไฟตก!!!! ((ต้องเปลี่ยนหม้อ))
.
19. เวลายืนนานๆ แล้วปวดส้นเท้ามากๆ สิ่งหนึ่งมันคงมาจาก กรุอ้วน นน.เกินแสรดดดดดด
.
20. คนทำงานมักจะสั่ง T-bone หรือแซลมอนทาน
.
21.แต่ นศษ.มักทานของทานเล่นพวก เฟรนซ์ฟรายด์ หรือนักเก็ต
.
22.กระทะเคลือบเทฟล่อน ยี่ห้อดีๆแพงๆใช้ได้สมราคาจริง จริ๊งงงงงง!!!
.
23. ซอสมะเขือเทศ หมดเร็วกว่าซอสพริก
.
24. มีดพลาติกถูกๆคมกว่ามีดสแตนเลสแพงๆอีกแหนะ
.
25. สเต็กแบบ take home ต้นทุนสูงกว่าทานที่ร้านเด้อ
.
26.พออยู่กะการทำสเต็กทุกวันๆ จะรู้สึกไม่อยากกินไปซะเฉย
.
27. แล้วก็เพิ่งรู้ว่า ชั้นนี่ทำอาหารให้ชาวบ้านเค้ากินก็อร่อยเป็นกะเค้าเหมือนกันน๊า อิอิ ^^
.
28.แล้วก็เพิ่งรู้ว่า ชั้นนี่ทำอาหารให้ชาวบ้านเค้ากินก็อร่อยเป็นกะเค้าเหมือนกันน๊า อิอิ ^^
oops!!!! ซ้ำ เพื่อจย้ำว่าอร่อย แหะๆ
.
29. เพลงเพื่อชีวิตแบบคนใต้ฟังไปๆ เออก็เพราะดี
((หลังร้านเปิดบ่อยจนกรุจะร้องได้แระ _ _"))
.
30. หลังร้านเป็นคนปักษ์ใต้ ชอบกินข้าวเหนียว ส้มตำต้อง!!!ปูปลาร้า
และฟังเพลง "จังซี้ มันต้องถอน" พร้อมกับแอบ dance เล็กๆไปด้วย 5555+ ^^"
.
. และนี่ก็คือทั้งหมดที่ได้จากการทำงานแบบใหม่ค่ะ
.
.
แต่ที่รู้แบบแน่ๆเลย คือความร้อน และความเหนื่อย
แล้วไอ้เราก็ยิ่งเป็นคนเหงื่อออกง่ายมาก เจอร้อนๆ ระอุแบบนี้....ตาย!!!! U^U
.
.
.
แต่ก็นั่นแหละ ยังไงก็ต้องสู้ สู้ ^^
.
.
.
ปล. ยอดขาย รวม 4 วัน ถือว่าได้ทะลุเป้า
ปล. 1 ที่ร้านเป็นร้าน แบบ indoor นะค่ะ มีแอร์
รับรองว่าจะได้ลิ้มรสความอร่อยพร้อมอากาศที่เย็นฉ่ำ ร้านไม่ได้กะโหลกกะลานะค๊า
ปล. 2 เวลาเปิด 12.00-22.00 น. ทุกวันค่ะ
ปล. 3 ร้านอยู่พหลฯ 55 ซอยข้างวัดพระศรีฯค่ะ อยากมาแต่มาไม่ถูก โทร. 083-053-2883
.
.
.

๖.๑๖.๒๕๕๒

....กับอาชีพใหม่วันแรก.....

ผ่านไปหนึ่งวันแล้วกับการเริ่มต้นของชีวิตการทำงานแนวใหม่
เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา ยังแอบสะดุ้งตื่นตอนเวลา ตีห้าครึ่ง
.
.
ไม่ได้เผลอตัวคิดว่าต้องตื่นไปทำงานประจำอะไร
แต่มันเคยสะดุ้งตื่นประจำในเวลานี้
.
.
ยังคิดอยู่เลยว่า
“เหรี้ย!!! กรุตื่นทำไมเนี่ย ไม่ได้ต้องแหรกขี้ตาไปทำงานไกลๆซะหน่อย”
((เพราะความจริง กรุตื่น 9 โมงเช้าก็ยังทัน อิอิ ^^”))
.
.
วันแรกของการขายสเต็ก ขอบอกว่าเหนื่อยมาก _ _”
เพราะว่าคงยังไม่ชินกะการต้องยืนนานๆ อย่างนี้เท่าไหร่ เหอะๆๆ
อีกอย่างลูกค้าเยอะด้วย ฮิ้ววววววววววววววววววว
.
.
วันแรกที่ผ่านมา ยังไม่ได้ถือว่าเป็นการขายจริง
แค่เป็นการ Pre-sales เท่านั้น ((แปลว่าอะไรก็ช่างมันเหอะ อิอิ))
แต่ก็ประมาณว่า เป็นช่วงทดลองฝีไม้ลายมือนั่นแหละ
.
.
แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี
ยอดในวันแรกถือว่าโอเคนะ เกินคาดของพรีมนั่นแหละ
^^”
.
.
.
จากการสำรวจ ลูกค้า แต่ละรายทานหมดเกลี้ยงทุกจานเลย
แต่คุณเต้ยเซวว่า...เค้าหิวหรือเปล่า...
เอ่อ... _ _” ไม่หรอกม๊างงงง อร่อยนั่นแหละ เหอะๆๆ
.
.
.
แรกๆก็ไม่กล้าถามลูกค้าว่ารสชาติเป็นไงมั่ง
กลัวเค้าบอกว่าไม่ได้เรื่อง เหอะๆๆ ^^”
.
.
ก็เลยลองถามโต๊ะนึงที่สั่งหลายอย่างทาน เค้าบอกว่า “อร่อยครับ”
.
.
.
เฮ่อออออออ!!~~~ โล่งอก
.
.
.
อย่างน้อยก็แดรกได้แหละว๊า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
.
.
แต่ถ้าเป็นคนกันเองมาทาน
ก็ได้รับคำติชมแบบตรงๆดี แต่ส่วนใหญ่จะบอกว่าอร่อย
ทั้งสเต็ก น้ำเกรีวี่ แล้วก็สปาเก็ตตี้ เหอะๆๆๆ
อย่างนี้ค่อยมีกำลังใจหน่อยเนอะ
สู้ สู้ ^^
.
.
สำหรับเพื่อนๆคนไหนอยากจะมาลองทางดู
ก็เชิญได้เลยนะค่ะ พหลโยธิน 55 ข้างๆก็วัดพระศรีฯ
หาไม่ยากค่ะ โทรหาพรีมก็ได้นะ 083-053-2883
.
.
.
เมนูแนะนำ
ก็ แซลมอนสเต็กค่ะ ดูไฮโซ๊ ไฮโซ หุหุหุ ^^
.
.
ทีโบนโคขุนก็มีค่ะ ((เหมาะสำหรับคนชอบทานเนื้อนุ่มๆ))
.
.
อ้อ...เรามี น้ำจิ้มแจ่วรชาดแซ่บๆสำหรับผู้นิยมความแซ่บด้วยค่ะ
อุ๊ย!!!อีกนิดนะคะ หนมปังกระเทียเนี่ย รับรองว่า อร่อยไม่แพ้ ร้านไหนหรอก
เนื้อหนมปัง กรอบนอกนุ่มใน หนึบหนับดีนักแล
.
.
.
ขอบคุณทุกท่านที่เป็นกำลังใจสนับสนุนค่ะ ^^”
.
.
.
ปล.ถึงลูกค้าจะเยอะ แต่ยังแว๊บบบบอัพ blog ได้นะค๊า อิอิ^^
.
.ปล1 . เวลาเปิดปิด 12.00-22.00 น.เด้อค่ะเด้อ
.
.

๖.๑๑.๒๕๕๒

.....อัพ เรื่องแหววๆ ครบรอบ 1 ปี กะเค้ามั่งดีกว่า....

โหะ โหะ โหะ ^O^
ในที่สุด อิพรีมก็ได้ปลดปล่อย หรือปลดแอก ตัวเองแล้วววววว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ^____^
จบกันซะที อาการหลอนที่ครอบงำกรุอยู่ได้ แสรดดดดดด U^U
.
.
แหม...มันช่างสบายใจอะไรอย่างนี้ล่ะค๊า ฮิ้ววววววววววว
((วันนี้เค้าตื่นเกือบบ่าย 3 แหนะ แหะๆ ^^”))
.
.
.
งั้นวันนี้คือวันดีๆ เราเอาเรื่องดีๆ มาเล่าให้ฟังมั่งดีกว่า
.
.
หลังจากที่ชีวิตตกอยู่ในหลุมดำมาได้ซักระยะ U^U ((น่าสงสารแสรดดด))
สังเกตได้จากการเขียน blog แมร่งจะดำๆทะมึนๆ ขมุกขมัวยังไงก็ไม่รู้ พับผ่า!!!
.
.
วันนี้ ข้าพเจ้า ก็พร้อมที่จะเอาเรื่อง((ส่วนตัว))ดีๆ มาอวดกะเค้ามั่ง ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เพราะปรกติ อัพแต่เรื่องสะเทือนใจให้ใครๆเค้า.....สังเวช
_ _”
.
.
เมื่อต้นเดือนที่แล้ว ที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบ 1 ปี ของพรีมกะเด็กแว๊นซ์
((อืมมมมม 1 ปีแล้ว เร็วดีจริง ^^))
.
.
เด็กแว๊นซ์ ต้องการ surprise พรีมค่ะ โดยการย้ำนักหนา
ว่าวันนั้นจะพาพรีมไปดูหนังที่ เซ็นทรัลแจ้งฯนะจ๊ะ เซ็นทรัลแจ้งฯ ((ท่องไว้ ท่องไว้))
.
.
หึหึหึ ปรกติเค้าก็ไม่ได้เป็นคนจะมาจุ้นจ้าน บอกว่าเราต้องไปดูหนังที่ไหน
กินข้าวร้านไหน หรืออะไรแนวนี้หรอก
((เพราะคำสั่งนั้น ส่วนใหญ่มันจะมาจากปากพรีม ซะมากกว่า แหะๆ ^^”))
.
.
แต่ช่วงก่อนหน้านั้นซัก 1-2 วัน ชักสังเกตุ ตะหงิดๆว่าจะพาไปดูหนังเรื่องนี้
แต่!!! ทำไมต้องเป็นที่เซ็นทรัลแจ้งฯเท่านั้น ((ว่ะ))
.
.
ก็สงสัย อะน่ะ แล้วก็ได้หาเก็บความสงสัยไว้ไม่ พรีมก็ถามเลย
พรีม : ทำไมต้องเซ็นทรัลแจ้งฯว่ะ ไกลจะตาย เนี่ยเซ็นทรัลรามอินทราเนี่ย ใกล้บ้านทำไมไม่ไป
((กรุล่ะไม่เข้าใจมรึงเจรงๆ))
เด็กแว๊นซ์ : เหอะหน่า....((ทำสีหน้า แววตา ท่าทางมีพิรุธสุดๆ))) (_ *_)
.
.
พรีม : แกจะทำ surprise ชั้นละเซ๊~!!!!..... หึหึหึ ^ ^ ((รู้หรอกหน่า))
เด็กแว๊นซ์ : จะถามทำไมค๊าบบบบ ไม่ต้องสงสัยซักเรื่องได้มั๊ยค๊าบบบบบ(_ *_) + U^U
.
.
เอาเหอะ...ชั้นไม่ถามแกมากก็ได้ อยากรู้นักว่าจะ surprise อะไรว่ะ
ดอกไม้ซักช่อเหรอ? หรือจะแหวนเพรชซักวง? ตั๋วเครื่องบินไป-กลับมัลดีฟเหรอ? ((ป๊าดดดด)) หรือว่าจะพากรุไปแดรกไอติมรัมเรซิ่นของโปรดซัก 10 ลูกว๊าวววว??
.
.
เชื่อป่ะเด็กแว๊นซ์เก็บความลับที่จะเอาไว้ surprise พรีม
แบบเนียน((แล้วเหรออออ))สุดๆเลยละค่ะงานนี้ อิอิ
.
.
แต่สำหรับพรีมเหรอ ไม่มีหรอกค่ะ เซอร์พ้งเซอร์ไพร้อะไร
เพราะ....ไม่ได้เตรียม ฮ่า ฮ่า ฮ่า น่าปลื้มป่ะล่ะค๊า ^^”
((ก็คนมันคิดไม่ออกนี่หว่า))
.
.
.
แต่พอถึงวันนั้น พรีมก็จูงมือพาเค้าเดินไปตลาดเปิดท้าย
เพื่อไปทำเสื้อคู่ ที่จู่ๆ ก็แว๊บคิดได้ขึ้นมาอย่างปาฏิหาริย์ ซะงั้น โหะๆๆๆ ^O^
.
.
.
ถึงเวลาที่ต้องไปเซ็นทรัลแจ้งฯ กันค่ะ
((ห้างที่เด็กแว๊นซ์ช่างตั้งใจเสียอย่างแน่วแน่ว่าจะเซอร์ไพร้สอิพรีมให้ได้))
.
.
ไอ้เราก็คิดๆๆนะว่ามันจะเซอร์ไพร้ส์อะไรกรุว๊า???
ก็เห็นทุกอย่างปรกตินี่นา
.
.
แหม...แต่อะไรก็เกิดดลใจไม่รู้ค่ะ
พรีมเกิดปวดฉี่ขึ้นมาซะงั้น เลยขอตัวเข้าห้องน้ำโดยลำพัง
.
.
เท่านั้นแหละคร๊าบบบบบบ
เด็กแว๊นซ์ใส่เกียร์หมาไปหาของเซอร์ไพร้ส์ทันที
.
.
พรีมเดินออกมาจากห้องน้ำ แต่!!!! อิเด็กแว๊นซ์ไม่อยู่บริเวณนั้น
ไปหาอะไรมาทำเซอร์ไพร้ส์ถึงไหนน๊ออออแสรดดดดดด
.
.
รอได้ซักแป๊บบบบบบ
เด็กแว๊นซ์ก็เดินมาพร้อม ตุ๊กตา ชิวาว่าตัวโตๆ
เอ่อ _ _” ไม่สิ ตุ๊กตาชิวาว่า ตัวเล็กๆหัวโตๆตะหาก
.
.
มันเป็นตุ๊กตา แบบที่พรีมเคยร้องอยากได้
ตอนที่อิเจ๊69 ซื้อไปให้พี่บีย์ในวันฉลองรับปริญญาอะค่ะ
.
.
แต่ตัวที่พรีมได้ ตัวหญ่ายยยยกว่าว้อยยยยยยยยยย 5555+
.
.
พรีมตั้งชื่อมันว่า “ตาปรือ” หึหึหึ ก็ดูตามันสิ เมื่อไหร่จะตื่นฟร่ะ
.
.
.
แล้ววันนั้นเราก็ไปฉลองวันครบรอบเล็กๆของเราด้วยการ
ทานอาหารที่พรีมชอบ
กินไอติมที่พรีมโปรด
ดูหนังที่พรีมอยากดู
พร้อมกับชื่นชมขอบขวัญที่พรีมอยากได้
.
.
แหม....เด็กแว๊นซ์นี่น่ารักที่สุดเลยค่ะ
วันนี้เค้าขี้เกียจจะมานั่งสาธยายในความรักที่เรามีต่อกัน อย่างนี้ อย่างนั้น อย่างโน้น
.
.
เค้าแค่อยากจะบอกว่า
สิ่งที่ตะเองให้อาจไม่ได้มากมายอะไร แต่เค้าก็ชอบความเรียบง่ายอย่างนี้
เพราะถ้ามันมากว่านี้ มันก็อาจไม่ใช่วิถีชีวิตของเรา
.
.
สิ่งที่พรีมต้องการที่สุดคงไม่ใช่อะไร นอกจากความรัก ความเข้าใจที่เรามีต่อกัน
สิ่งที่เค้าอดจะขอบคุณไม่ได้อีกอย่างคือ ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา
เค้าไม่เคยมีน้ำตาเพราะเรื่องระหว่างเรา แม้แต่หยดเดียว
((แกนี่แมร่งโคดเก่งเลยว่ะ เหอะๆๆ))
.
.
เค้ากะลูกๆทั้ง 4 รักป่าป๊า ที่สุดเลยคับ ^^
.
.
.

๖.๐๙.๒๕๕๒

.... up date ความคืบหน้า.....

สืบเนื่องจาก blog คุณเต้ย Hero_tom เรื่องนี้
.
.
เอาล่ะ....อย่างที่เคยบอกว่าพรีมได้งานใหม่แล้ว แถมงานนั้นยังน่าสนุกและท้าทายอีกตะหาก
((จะไม่ให้ท้าทายได้ไงว่ะ เกิดมาก็เคยแดรกแต่สเต็ก ไอ้เรื่องทำเป็นหรือก็ไม่ หึหึ
_ _”))
.
.
เรื่องของเรื่องคือ พรีมได้รับการเสนอให้ไปเป็น Chef steak project ของคุณเต้ย
((ป๊าดดด!!! เรียกตัวเองว่า chef เลยทีเดียว เหอะๆๆ)) ฮ่า ฮ่า ฮ่า
.
.
ก็เรียกให้มันดูหรูๆ ไปงั้นแหละ ดู series เกาหลีมากไปหน่อย ก็งี้แหละ
((นางเอกมักไต่เต้าจากเด็กล้างจาน ก้าวไปสู่ความเป็น chef มือหนึ่งของร้าน
- - กรุณานึกภาพอิพรีมในชุด chef สีขาว ยืนท้าวสะเอว
หน้าแหงนมองฟ้า แล้วหัวเราะออกมาดังๆ ^O^ โหะ โหะ โหะ....))
.
.
เรื่องของเรื่องที่ได้รับเกียรตินี้ เพราะคุณเต้ยอยากทำร้านสเต็ก เพื่อเพิ่มความหลากหลายของเมนู
ให้กับร้านอาหารตามสั่งที่มีอยู่เดิม...เติมอิ่ม
.
.
แหมคนเรา มีแต่ idea มีเงิน แต่ไม่มีบุคลากร แล้ว project ต่างๆก็คงผุดขึ้นมาไม่ได้
ประกอบกับช่วงที่ผ่านมา พรีมได้มีโอกาสคุยกะคุณเต้ย
แล้วก็บ่นๆเรื่องความสะเทือนใจในเรื่องหน้าที่การงาน
.
.
คุณเต้ยเองก็กำลังหาคน พรีมเองก็กำลังมองหางานใหม่ หรือสิ่งแปลกใหม่
.
.
คุณเต้ยมี idea และมีเงินทุน
พรีมมีฝีมือ((แบบพอไปวัดไปวา อะนะ)) มี idea แต่บ่มีเงิน แหะๆ ^^”
.
.
ดังนั้นข้อตกลงของเราจึงเกิดขึ้น ((พร้อมสักขีพยานคือคุณอ้อ และเด็กแว๊นซ์))
ผู้ที่จะอยู่เคียงข้างและเป็นกำลังใจให้เราทั้งคู่เสมอ ไม่ว่าเราจะตัดสินใจกันเช่นไร
.
.
เอาว่ะ ก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง ขอแค่มีงานทำ ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ
อย่างน้อย ณ ตอนนี้ พรีมเองก็อยากเว้นวรรคเรื่องงานประจำอยู่แล้วนี่หว่า ^^
.
.
และการทำอาหารแนวร้านสเต็กก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อย
((งานนี้พรีมจะออกมาทำเต็มตัว
โดยที่ไม่ต้องแบ่งร่างเป็นทั้งสาวออฟฟิศแล้วก็แม่ค้าเหมือนสมัยทำร้านนมหรอกนะ))
.
.
เราเริ่มต้นจากการที่ไม่รู้อะไรเลย ((จริงๆ ไม่ได้รู้เหรี้ยอะไรมาก่อนเล๊ยยยย))
อาศัยอย่างเดียวคือความชอบกินสเต็ก ((เอาว่ะแค่นี้ก็พอแล้ว))
.
.
พรีมเองรู้แต่ว่า ชีวิตนี้ก็กินสเต็กมาหลายสิบร้าน อืม....หลายร้านมากๆ
ตั้งแต่กินที่แพงๆจานละเกือบพัน ((ย่านสระบุรี)) ยันร้านสเต็กจานละไม่กี่สิบบาท ((ย่านริมถนน))
.
.
และยิ่งพอรู้ว่าจะมาทำสเต็กเอง ก็เริ่มตระเวนแดรกสเต็ก ((แมร่ง)) เกือบทุกวัน _ _”
จนเด็กแว๊นซ์ร้องโอดโอย “วันนี้ไม่กินสเต็กได้มั๊ย แง๊ แง๊ U^U”
.
.
ด้วยความที่กินเป็นอย่างเดียวแต่ทำไม่เป็น ((กำกำ _*_))
ก็เลยคิดว่า เราน่าจะไปเรียนตามที่เค้าเปิดสอนคอร์สการทำสเต็ก หรือซื้อแฟรนไชน์กันดีกว่า
.
.
แต่พับผ่าเหอะ แพงใช่เล่น
แถมยังพากันคิดไปซะไกลว่า เฮ้ย!!! ถ้าเราเอาสูตรคนอื่นมาทำ เราก็ไม่มีสูตรของตัวเองเด่ะ
เกิดวันนึงเราอยากขยายทำแฟรนไชน์ขึ้นมา เราจะได้มีสูตรเฉพาะของเราไว้ขายไง อิอิ^^
.
.
เป็นไงค๊าคู๊ณณณณณ ยังทำสเต็กไม่เป็นเลย คิดไกลไปจนถึงการขายแฟรนไชน์แล้ว
กร๊ากๆๆๆๆ ^O^
.
.
นี่ก็ว่าถ้า work กะจะเอาเข้าตลาดหุ้น เป็นสเต็ก(มหาชน) เลยทีเดียว โหะๆๆๆๆๆ
.
.
((ขอความกรุณาอีกซักครั้งว่า - - โปรดนึกภาพอิพรีมในชุดสูทสีครีม
ยืนกางขาเล็กน้อยแต่พองาม
มือเท้าสะเอวอย่างมาดมั่น แหงนหน้าเชิดมองฟ้าอย่างหยิ่งผยอง
พร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างเสียงกึกก้อง ลั่นฟ้า.....ว่า.....กั่กๆๆๆๆๆๆ ^OOOO^))
.
.
แล้วสิ่งที่ช่วยชีวิตพรีมได้ก็คือ การท่องโลกอินเตอร์เน็ท
มีทุกสิ่งอันที่อยากรู้แหละคร๊าบที่นี่
((อวดเก่งแต่ไม่มีความรู้ โพสด่าในกระทู้ขอให้ยกมือขึ้นนนนน....เชิ๊บเชิ๊บ!!!)))
.
.
พรีมเริ่มศึกษา ค้นคว้าหาข้อมูล อยู่ซักระยะ
อ่านข้อมูลจากเน็ท หาซื้อหนังสือ อ่านทุกสูตร
ตั้งแต่การหมัก การปรุง การทำน้ำเกรวี่ สารพัดสูตรแล้วก็เอามาประยุกต์
จนได้สูตรที่คิดว่า โอเคแล้ว มาลองทำดู
.
ผลจากการ test ต่อผู้ชิมจำนวนหนึ่ง
ก็ได้ทั้งข้อติ-ชม ซึ่งเป็นผลดีต่อการปรับปรุงสูตรค่ะ
.
.
.
ตอนนี้คงไม่อาจบอกได้ ว่า ถ้าได้ลงมือทำออกมาปรุงเพื่อขายแล้ว
มันจะถูกปากคนทาน และลูกค้ามากน้อยแค่ไหน แต่พรีมก็หวังว่ามันจะออกมาดีนะ
ก็คงต้องเอาไว้ติดตามตอนต่อไปค่ะ ^^
.
.
ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัว กะอีกหนึ่ง project ของพรีมกะคุณเต้ย
ตั้งแต่ร้านนม ไปจนนั่งขายของมือสอง จนล่าสุดก็การทำสเต็ก
.
.
หวังว่าคงจะได้รับการสนับสนุนด้วยดีจากเพื่อนๆที่รักเหมือนเดิมนะค๊า
((เห็นมั๊ยว่าคนอย่างพรีมอ่ะ ไม่เคยท้อแท้ที่จะทำอะไรหรอก
แม้ว่าจะล้มลุกคลุกฝุ่นแค่ไหนก็เหอะ คนเรามันต้อง สู้ สู้ ^^))
.
.
ส่วนจะ Grand opening วันไหนเมื่อไหร่ เอาไว้จะแจ้งให้ทราบนะค่ะ
อีกไม่นานเกินรอ ฮิ้ววววววววววววววววว ^^
.
.
ปล. งานนี้ขออาศัยบารมีคนมี fanclub เยอะอย่าง อิเจ๊69 ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ด้วยนะโว้ยยยยย
ปล 1. ขอบคุณเพื่อนฟ้าที่เข้าใจและพร้อมที่จะอยู่ข้างกันเสมอ
ปล 2. ใครที่รู้ตัวว่าเป็นเพื่อนของกรุ กรุณาแสดงตัวในวันที่กรุเปลี่ยนอาชีพแล้วด้วยนะ
อย่าให้กรุเอ่ยชื่อนะแสรดดดดดดด
ปล 3. สำหรับเพื่อนๆจากทางไดอารี่ และ blog ที่ร่วมเป็นกำลังใจให้กันมา
ก็หวังว่าจะเป็นกำลังใจให้กันตลอดไปเด้อค่ะเด้อ
ปล 4. ขอให้เจริญ เจริญนะค๊า
ปล 5. แต่สิ่งที่จะนำพาให้ตัวท่านเจริญ คือจิตใจที่เจริญแล้วเช่นกัน....ค่ะ!!!!....
.
.
ปล.ทิ้งท้าย วันอังคารลางาน ไปธุระ ((job interview)) แบบเป็นการเป็นการมีสาระเด้อค่ะเด้อ
^^

๖.๐๔.๒๕๕๒

....blog หน้านี้เพื่อคลายความสงสัยกัน.....

เอ่อ....เหอะๆๆๆๆ _ _"
.
.
รู้สึกว่า blog หน้าที่แล้ว ของพรีมที่เขียนขึ้น
เล่นเอาหลายคนอ่านตกใจ เป็นห่วงกันแล้วก็ให้กำลังใจเยอะเลย
.
.
แหม..รู้สึกซึ้งใจและขอบคุณจริงๆนะค่ะ ^^”
.
.
แต่บางคนอ่านก็เดาทางพรีมได้ประมาณว่า มันน่าจะมีจบแบบหักมุม
จนแล้วจนรอด ถึงบรรทัดสุดท้ายก็ไม่มี เหอะๆๆๆ _ _”
.
.
แต่นะแหม...จบหักมุมหน้าเดียวก็ไม่หนุกสิค่ะอิอิ
.
.
แต่บางคนก็รู้เลยว่าพรีมหมายถึงอะไร เออ...เก่งว่ะ
((ผัวกรุยังไม่รู้เล๊ยยยยย นอนอยู่กะกรุแท๊ แท๊)) U^U
.
.
เมื่อเช้าได้คุยกะอิเจ๊69 อีกรอบ
อิเจ๊บอกว่า คนเข้ามาเอ็มถามอิเจ๊ว่าเกิดอะไรขึ้นกะอิพรีม จนขี้เกียจตอบแล้ว
.
.
พร้อมกะมาเมทน์ว่าให้เฉลยเหอะ ((ก่อนที่จะโดนอิเจ๊69 ด่าอีกรอบ 5555+))
.
.
วันนี้เลยต้องมาบอกว่า ไอ้ที่เขียนอ่ะหมายถึงอะไร
.
.
นั่นหนะ มันเป็นการเขียนงานแนว abstract ของพรีมเอง
((เอ่อ บัญญัติชื่อนี้ขึ้นมาเองแหละค่ะ ดูตัวเองเป็นศิลปินดี หึหึหึ))
.
.
มันเป็นการเขียนแบบนามธรรม ให้มันรู้สึกได้แบบรูปธรรมไง
.
.
โหะๆๆๆ จะใช้คำหรูเสิศขนาดนี้เพื๊ออออ!!!
เพื่อกันโดนด่า
.
.
((ความจริงโดนอิเจ๊69 โทรมาแต่เช้าเพราะความเป็นห่วง
แต่พอรู้ความจริงก็โดนด่าตั้งแต่เช้าวันนั้นแล้วแหละ ฮิ้ววววววว))
.
.
แต่...เชื่อป่ะ ว่าคนใกล้ตัวอย่างเด็กแวนซ์ ก็ยังไม่รู้นะ ว่าที่พรีมเขียนหมายถึงอะไร

เล่นเอาเจ้าตัวแอบเครียดไปเลยทีเดียว เหอะๆๆๆ

((โรคจิตเนอะพรีมเนี่ย กระทั่งสามียังไม่ปราณีเลย))
.
.
พรีมต้องการจะเปรียบสถานการณ์ “เรื่องงาน”
ทั้งงานที่ผ่านมาแล้วในอดีต และงานในตอนนี้ของตัวเอง
.
.
ถ้ากลับไปอ่านอีกที แล้วให้ทำความเข้าใจว่ามันคือ feel ที่พูดถึงชิวตในการทำงานแต่ละที่
จะร้อง “อ๋อ” กันเลยทีเดียว หุหุหุ ^^”
.
.
การทำงานก็เหมือนเราได้ใช้ชีวิตร่วมกันกับคนรัก
เหมือนแต่งกะงาน ไม่ใช่แต่งงานอะค่ะ
.
.
แต่เราก็ไม่อาจรู้ได้หรอกว่า เราจะใช้ชิตร่วมกันได้นานแค่ไหน
.
.
.
สำหรับที่ทำงานเก่าของพรีม กว่า 5 ปีที่ผ่าน พรีมต้องปิดฉากชีวิตการทำงานที่นั่น
เพราะระบบงานมันตันแล้ว แล้วก็เบื่อ ไม่ท้าทาย ไม่หนุก อยากไปให้พ้นๆ
.
.
.
แล้วก็กระเสือกกระสนมาหางานที่ใหม่
มาทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะเจออะไร รู้แต่ว่า ต้องมา
.
.
.
จนในที่สุด ณ วันนี้ พรีมได้รู้และเข้าใจแล้วว่า
พรีมคงไม่เหมาะกะการใช่ชีวิตทำงานที่นี่หรอก
.
.
.
ที่ต้องปิดฉากชิวิตการทำงานที่นี่ด้วยระยะเวลาเพียง 2 เดือนเศษๆ
เป็นเพราะมันมีเหตุและผลของมันอยู่
.
.
แล้วก็อย่างที่บอกว่า ไม่ใช่เพียงตัวเองที่ผิดหวัง
ที่นี่ เค้าก็ผิดหวังไม่น้อยเช่นกัน
.
.
เหตุเพราะเราต่าง “คาดหวัง” ไว้มากเกินไป
มากจนพรีมรู้สึกว่า อึดอัด
.
.
อ่านมาถึงตรงนี้ หวังว่าทุกๆคนเข้าใจพรีมแล้วนะค่ะ
.
.
.
ส่วนความรัก ตอนนี้ดีมากๆค่ะ ราบเรียบและราบรื่น
เด็กแว๊นซ์ยังเป็นพ่อที่ดีของลูกๆพรีมค่ะ
เอาไว้ blog หน้าต่อๆไป คงได้เอารูปลูกๆและของขวัญ ของวันครบรอบ 1 ปี มาให้ดู
.
.
ส่วนเรื่องงาน ไม่ต้องห่วงนะค่ะ
พรีมยังโชคดีที่ไม่ได้ตกอยู่ในฐานะคนตกงานหรอก
เพราะว่ามีงานที่สุดแสนจะท้าทาย มารออยู่ตรงหน้าแล้ว
.
.
.
เอาไว้ให้มันสมบูรณ์แล้วคงได้รู้กันว่าจะไปทำอะไร
บอกได้คำเดียวว่าต้องมันส์มากๆเชื่อเหอะ
5555+
.
.
.
แล้วเชื่อได้เลย หน้าที่การงานของพรีมในอนาคตที่จะถึงอีกไม่นานนี้
เพื่อนๆที่ใจดีต้องส่วนร่วมสานฝันของพรีมแน่นอน
.
.
.
แล้วพบกับเรื่องสนุกๆเรื่องใหม่ของพรีมได้ที่นี่ เร็วๆนี้ค่ะ
ป๊าดดดดดดดดดดดดดด ยังกะ Series เกาหลี
((แต่มันหนุกมากกว่าเพราะมันคือเรื่องจริง เหอะๆๆๆ))
.
.
.
ปล.
ขอบคุณเพื่อนๆที่เป็นห่วง
ขอบคุณเจ๊ที่โทรมาถามว่าเกิดไรขึ้น พอรู้แล้วก็จบที่ด่ากรุตามระเบียบ 555+
ขอบคุณเพื่อนปาล์มที่กะโทรมาเพื่อตราหน้าว่ากรุเลว
((เออกรุอ่ะ มันเหรี้ยสำหรับมรึงวันยังค่ำใช่มั๊ยแสรดดดด))
ขอบคุณฟ้าที่เข้าใจ
ขอบคุณคุณเต้ย คุณอ้อกะโอกาศ
ขอบคุณอิเมย์ ที่แกรู้จักชั้นที่สุด
ขอบคุณคุณหยี ที่สะสมการอ่านไดของพรีมจนรู้จักพรีมขั้นเทพแล้ว
.
.
ขอบคุณเด็กแว๊นซ์ และลูกๆ เพราะสิ่งมีชีวิตทั้ง 5 เหล่านี้ คือสุดยอดกำลังใจ
ทำให้พรีมไม่มีน้ำตา แม้จะในวันที่แย่และเซ็งเหรี้ยๆแค่ไหนก็ตาม
.
.
.
แล้วเค้าคงไม่ได้หายไปจาก blog นานๆแล้วแหละ
เพราะเค้ามีอุปกรณ์การอัพ blog แล้ว 55555+
.
.
.
วันนี้ไปแล้วคร๊าบบบบบบ ขอให้เจริญ เจริญ ทุกคนจ๊า ^^
.
.
.

๖.๐๓.๒๕๕๒

....เรา...จากกันตรงนี้เถอะ.......

กลับมาแล้ว
กลับมาครั้งนี้ มาพร้อมกับความสับสน และคำถาม ที่อยากหาคำตอบ
มีเรื่องบางเรื่องเกิดกับตัวเอง มันเอียน จนอยากระบาย แต่ไม่รู้ จะเริ่มตรงไหน
.
.
เคยมั๊ย การที่เราจะคบใครซักคน
สิ่งหนึ่งที่อยู่ในห้วงแห่งความปรารถนา คือ ความคาดหวัง
ไม่ว่าจะคาดหวัง ให้ความรักนี้สวยงาม ราบรื่น ราบเรียบ อยู่กันไปจนตลอดรอดฝั่ง
หรือคาดหวังที่จะฝากชีวิตไว้ที่เค้า
.
.
คงน้อยคนนัก ที่จะบอกว่า ความรักที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้ง
คุณอยากให้มันเป็นเพียงรักที่ฉาบฉวย
ไม่พร้อมจะจริงจัง แล้วก็คิดว่ามันไม่ยั่งยืน
.
.
คุณรู้มั๊ย ทุกครั้งที่เราคาดหวังกับมันให้มันออกมาดี
แต่มันแปลกนะบางทีมันกลับต้องจบลงง่ายๆ
ไม่ว่าจะด้วยน้ำมือของตัวเราเอง หรือด้วยน้ำมือ ของอีกฝ่าย
.
.
เมื่อเรื่องจบ แล้วก็โทษกันไป โทษกันมา ว่ามันเป็นเพราะความผิดใคร
มันเริ่มต้นจากความบกพร่องของฝ่ายไหน
น้อยนักที่จะกล่าวโทษว่า มันเกิดจากตัวของเราเอง
.
.
พูดถึงความรัก ครั้งนึงความรักของพรีมเกิดขึ้น
แรกๆ มันก็เป็นความท้าทาย ที่อยากค้นหา
ต่อๆมามันก็เริ่มเป็นความชาชิน ชาเฉย เฉยเมย
จนถึงจุดต่ำสุดของชีวิตคู่ คือ ความเบื่อหน่าย
.
.
เมื่อเกือบ 5 ปีที่แล้ว
พรีมได้เดินก้าวเข้าไปสู่ ชีวิตของคนๆหนึ่ง
แรก ๆพรีมเองก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆที่คาดหวังไว้ว่า
.
.
“ถ้าเป็นไปได้ พรีมอยากฝากชีวิตให้กับเค้าตลอดไป”
.
.
เวลาผ่านไปช้าๆ ตามวันเวลาของมัน อย่างที่ควรจะดำเนินไป
.
.
แรกๆกว่าเราจะปรับตัวเข้ากันได้ ก็เรียกได้ว่า
สร้างความเครียดให้แต่ละฝ่ายไม่น้อย
มีทะเลาะ ขัดแย้ง และความไม่เข้าใจต่อกันอยู่เนืองๆ
แต่นั่นมันก็ไม่ได้ทำให้พรีมท้อ แต่มันกลับเป็นแรงแห่งความผลักดัน
ให้ตัวเองปรับหาเค้าให้ได้
.
.
จนวันหนึ่ง เราก้าวข้ามวันเวลาไปเรื่อยๆ
เป็นที่น่ายินดี เราจับมือ เดินไปด้วยกันได้อย่างดี
.
.
แต่อย่างว่า แรกๆ น้ำต้มผักก็ว่าหวาน พอนานไปก็พาลขม
.
.
จากรักที่ต้องสร้างความเข้าใจ จนกลายเป็นความผูกพัน
แต่กระนั้น พรีมก็ตอบตัวเองไม่ได้ ว่าที่ผ่านมาเรียกว่ารักเค้าหรือเปล่า
หรือว่า มันเป็นแค่ความผูกพัน และการยึดติดอยู่กับความเคยชิน
.
.
หลายครั้งที่พรีมได้แต่เฝ้ามองชีวิตคู่ของคนอื่นๆ
ที่คนรักเค้าช่างดีแสนดี ได้แต่มองแล้วก็อิจฉา
ได้แต่หวังเล็กๆ หวังลึกๆ ไว้ว่า เราจะมีโอกาสได้เจอคู่ชีวิตดีๆ แบบนั้นได้มั๊ยน้า??
.
.
พอมองคนอื่นแล้วย้อนดูตัวเอง
.
.
ความรักของเรา ชีวิตคู่ของเรา มันเริ่มเฉยชา
เฉยเมย ไร้ความตื่นเต้น หมดความท้าทาย
.
.
จนที่สุดมันกลายเป็นความเบื่อหน่าย
.
.
เราเริ่มมีความขัดแย้งเกิดขึ้นต่อกันมากขึ้นเรื่อยๆ
ต่างคนต่างไม่ยอมซึ่งกันและกัน
ต่างคน ต่างอยู่ ต่างคนต่างไม่แคร์กัน .
.
การที่ต้องตื่นมาเจอหน้ากันในแต่ละวัน
มันเป็นเพียงหน้าที่ที่ต้องทำเท่านั้น
.
.
มันหาได้เกิดจากความรู้สึกรัก ความสิเหน่หา หรืออาทรไม่
.
.
พรีมเริ่มจะทนไม่ได้กับความรู้สึกแบบนี้
มันช่างน่าเบื่อหน่ายเสียนี่กระไร
ทำยังไง ไอ้บ้านี่จะเดินออกไปจากชีวิตกรุซะทีว่ะ
.
.
ก็ในเมื่อการดำรงอยู่ทุกวันนี้ มันเป็นเพียงความต้องทนอยู่
งั้นมันก็คงถึงเวลาต้องแยกทางกันแล้วมั้ง???
.
.
ถ้าจะให้พูดตรงๆ แบบหน้าไม่อายคือ
พรีมเริ่มมองหารักครั้งใหม่
.
.
นั่นสิ ทำไมต้องอาย มันจะผิดอะไร ถ้าเราเพียงต้องการสิ่งที่ดีกว่า
ไม่ผิดมั้ง ที่เราจะยังมีสิทธิ์เลือก((อยู่บ้าง))ละว่ะ
.
.
แล้วการคิดที่จะแยกทางครั้งนี้ เค้าเองก็คงไม่ได้รู้สึกว่าสูญเสียเราไปหรอก
ใช่สิ ก็ทุกอย่างมันถึงทางตันแล้ว ตันแล้วจริงๆ
ถ้าเราต่างจะปล่อยมือ มันคงเป็นทางที่ดีสำหรับเราทั้งคู่...ก็ได้
.
.
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ความรักครั้งใหม่ของพรีมเกิดขึ้น
.
.
เราตกลงยินยอมพร้อมใจมาใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน
((ทั้งๆที่เราต่างยังไม่ได้รู้จักกันดีพอด้วยซ้ำ))
.
.
แน่นอน ความรักครั้งนี้ มันเต็มและเปี่ยมล้นไปด้วย “ความคาดหวัง”
.
.
แต่ก็นั่นแหละ ไม่ใช่พรีมฝ่ายเดียวหรอกที่ “คาดหวัง”
เค้าเองก็เช่นกัน คาดหวังต่อการใช้ชีวิตร่วมกันทุกอย่าง
ไว้ซะจนเต็มเปี่ยม และล้นปริ่ม
.
.
บางที มันก็มากซะจน ทำเราทั้งคู่อึดอัด
.
.
บ่อยครั้งที่เรานั่งคุยกัน มองตากัน แบบเงียบๆ
แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เฮือก!!! ออกมา
มันมีบางสิ่งบางอย่าง แสดงและบ่งบอกว่า
“เราต่างผิดหวังซึ่งกันและกัน”
.
.
ประสบการณ์การใช้ชีวิตของพรีมที่ผ่านมา
มันก็ทำให้พรีมรู้ว่า ความรักของตัวเองครั้งนี้ มันจะไปได้ซักแค่ไหน
หรือจะให้พูดสั้นๆง่ายๆ ก็คือ พรีมเดาทางได้ไม่อยากว่า
“เราคงไปด้วยกันไม่รอด”
.
.
เราต่างรู้จักตัวตนของกันและกันน้อยเกินไป
เราสร้างฉากไว้บังหน้าตัวเองไว้มากจนเกินไป
เพราะพอฉากนั้นเริ่มร้าว เราต่างมองเห็นจุดบกพร่องของแต่ละฝ่าย
.
.
พรีมคงไม่อาจบอกได้ว่า มันแย่ซักแค่ไหน
แต่ต้องยอมรับว่า เราก็ต่างรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น
.
.
เค้ารับไม่ได้ที่มันต้องเป็นแบบนี้
พรีมเองก็รับไม่ได้ที่มันต้องเป็นแบบนั้น
.
.
เราต่างก้าวเข้ามายืนที่จุดของคำว่า “ไม่แคร์”
เราต่างเริ่มเห็นแต่ประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง
จนต่างฝ่าง ต่างต้องถามตัวเองว่า
“นี่กรุจะทนไปเพื่ออะไร???”
.
.
มันจะเป็นเรื่องผิดมั๊ย ที่เราต่างจะ Fade ตัวเองจากความรักครั้งนี้
มันจะเป็นการดีกว่ามั๊ยที่เราจะหยุดความสัมพันธ์ของเราลงซะ
.
.
ดีกว่าที่เราจะดึงดันที่จะใช้ชีวิตร่วมกันต่อไปอย่าง “ไม่มีความสุข”
.
.
ความดันทุรังที่จะอยู่ร่วมกัน มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น
ตรงกันข้าม มันกลับทำให้เรายิ่งอยู่อย่างทรมาน
.
.
เคยมั๊ย ที่คุณต้องทนกับการต้องทำอะไร
หรือว่าทนอยู่กับมวลสารที่มีชีวิตไม่ว่าหน้าไหน แล้วคุณรู้สึกว่า
“แมร่งไม่ใช่”
.
.
ไม่ว่าจะลองคิดทบทวน ความรู้สึกของตัวเองไม่ว่าจะกี่ครั้งกี่รอบมันก็
“ไม่ใช่!!!”
.
.
พรีมคิดว่าความยุติสัมพันธ์ของเรา คือสิ่งที่ดีต่อเราทั้งคู่ที่สุด
.
.
เรื่องราวที่มันเกิดขึ้น พรีมคงไม่อาจจะโทษใครได้
.
.
.
เวลาของเราที่อยู่ด้วยกันมันยังแสนสั้น เรายังปลีกตัวแยกทางจากกันได้ทัน
โดยที่เราต่างก็จะไม่เสียเวลาไปนานกว่านี้ เจ็บซ้ำซากไปกว่านี้
แล้วมันก็ทำให้เรารู้ตัวเองได้ว่า เราอย่างดึงดัน หรือดันทุรังเลย
.
.
การเปิดทางให้แต่ละฝ่ายให้เป็นอิสระ คือสิ่งที่ดีที่สุด
ช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันยังสั้นนัก
เกินกว่าที่เราจะใช้คำว่า”รัก”ได้ด้วยซ้ำ เรายังไม่มีกระทั่งความรู้สึก”ผูกพัน”
.
.
.
การ “จบ” ทุกอย่างระหว่างเราในวันนี้อย่างเร็วที่สุด
อย่างน้อยมันก็คือการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้พบสิ่งใหม่อย่างเร็วที่สุดไม่ใช่เหรอ
.
.
.
คนเราเกิดมาทั้งที อย่างน้อยก็ขอให้ตัวเองได้อยู่กับสิ่งอยู่ด้วยแล้ว
มีความสุขบ้างก็พอ อาจไม่ต้องมากต้องมาย
แต่พรีมแค่อยากอยู่ด้วยแล้ว “สบายใจ”
.
.
.
ชีวิต เป็นของเรา......ไม่ใช่เหรอ??????????.....
หรือไม่จริง????
.
.