๖.๓๐.๒๕๕๓

..... 1 July 2010 เริ่มงานใหม่ อีกแล้ว........

. . . หลังจากที่ต้องตกอยู่ในฐานะชนชั้นล่างของบริษัทยา
มาประมาณเกือบ 2 เดือน
. . . ที่สุดการต้องตกอยู่ในสภาพนั้นก็สิ้นสุด
เมื่อวันนี้ได้รับข่าวดีคือ เราได้งานใหม่แล้ว พร้อมเริ่มพรุ่งนี้ได้เลย เย๊ เย๊ เย๊
.
. . ดีใจโครตตตตตตตตตตตตตต ดีใจแบบว่าโทรหาแฟน โทรหาเพื่อน โทรไปเล่าให้ฟัง
แบบพูดไม่เป็นภาษาเลย อารามดีใจหนัก
. .
.
งานใหม่ที่ได้คล้ายๆ feel เดิมที่เคยทำ คือ electronics part
แต่เป็นบริษัทของญี่ปุ่น อยู่เพลินจิต ((ในเมืองอีกแระ))
งานที่ได้ถึงจะ feel เดิม
แต่ตำแหน่งใหม่((ที่มีโอกาศได้มีลูกน้องกะเค้ามั่งแระ))
รายได้ใหม่((ที่พอสมน้ำสมเนื้อกะประสบการณ์และหน้าที่ความรับผิดชอบ)))
.
.
.
สวัสดิการใหม่ๆ ที่ดีกว่าเดิมมากกกกกกกกกกก
. . . บริษัทจะส่งไปสอบ toeic เพื่อเอาคะแนนไว้พิจารณาเรื่องงาน
และอัพเงินเดือนในขั้นตอนเวลาขึ้นเงินเดือน
แต่บริษัทออกค่าใช้จ่ายให้
บริษัทให้ไปตรวจโรคเพื่อเข้าทำงาน เช่น x-ray ตรวจไวรัส ฯ
และบริษัทก็ support เรื่องนี้ด้วย
.
.
.
และมีอะไรอีกเยอะ
แต่นี่เป็นสิ่งแรกที่จะได้รับตั้งแต่ก้าวแรกเข้าไปในองค์กร
เราจะเดินก้าวเข้าไปอย่างเต็มภาคภูมิซะที
((หลังจากที่โดนลดระดับมาเป็นชนชั้น 2 มาระยะหนึ่งจากบริษัทยา))
. . . . สำหรับคนอื่นอาจคิดว่านี่ถือเป็นสวัสดิการแบบพื้นๆ
แต่สำหรับเราแต่นี้ ถือว่าเยี่ยมแล้ว
. . . พูดถึงเรื่องได้งานใหม่ ((อีกแล้ว))
หลายๆคนคงคิดว่าพรีมโชคดีจังทำไมหางานได้ง่ายจัง
. .
.
อืม.....สงสัยพรีมจะโชคดีจริงๆแหละ
จะว่าไปก็บนบานไว้หลายที่เหมือนกัน
ถ้าว่างๆ ก็จะรีบเอาสิ่งต่างๆไปถวายตามสถานที่ต่างๆ
. . . แต่ตอนนี้ขอรื้อฟื้นเรื่อง Gramma เพื่อไปสอบ toeic ซะหน่อย
เล่นคืนอาจารย์โม๊ดดดดดดดดดดดดด กำ กำ _ _"
.
.
.
ปล. accent ดี แต่ gramma แป่ก ทำไงดีว่ะกรุ
. . .

๖.๒๕.๒๕๕๓

.....หอบลูกหนีไฟไหม้ตอนตี 3 .........

. . . ตี 3 กว่าๆ ของคืนวันอังคารที่ 22 มิย. 53
ขณะที่เรา 2 คนพร้อมกับอีก 4 ชีวิตกำลังหลับสนิทในค่ำคืนอันเงียบสงัด
. . . ตึง!! ตึง!!!ตึง!!!
. .
. เสียงดังแว่วๆมาแต่ไกล
พร้อมกับได้ยินเสียงชายฉกรรจ์โหวกเหวกโวยวายอยู่นอกห้องไกลๆแว่วๆ
. .
. สะดุ้งตื่นขึ้น แล้วก็รู้สึกแค่เพียงว่า "ผัวเมียแมร่ง!!ทะเลาะกันอีกแหงๆ"
.
.
.
ตั้งใจจะข่มตาหลับอีกครั้ง
. .
. ตึง!!!ตึง!!!ตึง!!!!
. .
. เฮ้ย!!!ทั้งเสียงโวยวาย ทั้งเสียงทุบห้องตึงตัง
ยังคงดังอย่งต่อเนื่องและรุนแรงมากขึ้น
. .
. เฮ้ย!!!แมร่ง!!!เสียงดังอะไรนักหนาว่ะ คนจะหลับจะนอน
.
. . ระหว่างนั้น เด็กๆก็ไม่เป็นอันหลับอันนอนแล้ว
เห่า กระวนกระวาย
. .
. พรีมทนไม่ได้ ลุกออกจากเตียงไปเงี่ยหูฟังสิว่า....มันอะไรนักหนา....
. . .
. ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงผู้คนอยู่ข้างนอก
โหวกเหวกโวยวาย ทั้งเสียงผู้ชาย เสียงผู้หญิงอื้ออึงไปหมด
. . .
ยังไม่ทันได้สงสัยอะไรมาก
ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู เหล็กดัดทุกห้องพร้อมเสียงดังตะโกนว่า
. .
.
"ออกมาๆๆ ไฟไฟม้ๆ ออกมาให้หมด ไฟไหม้ๆๆ"
.
. . แม่จ๊าววววววววววววววววว!!!!
วินาทีนั้น หัวใจหล่นอยู่ทีตาตุ่ม มันตกใจ shock อึ้ง ทำอะไรไม่ถูก
. .
. ทำไงดีๆ กรุจะเริ่มจากอะไรตรงไหน
.
. . ข้าวของ เสื้อผ้า เด็กๆ ทำไงดีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
. . .
แว๊บแรกที่ผุดขึ้นมาให้หัว
ไม่รู้หรอกว่า ไอ้ไฟไหม้เนี่ย มันไหม้ยังไง มันไหม้ถึงไหน
กรุจะรอดมั๊ย กรุจะตายมั๊ย ลูกกรุล่ะ ข้าวของล่ะ
มันสับสนไปหมด
. . . เด็กแว๊นซ์ลองเปิดประตูเพื่อจะดูว่าข้างนอกวุ่นวายยังไงบ้าง
. . . สิ่งแรกที่เราเห็นและรู้สึกได้คือ
ควันสีเทาๆทะลักเข้ามาให้ห้องเราทันที
กลิ่นเหม็นไหม้ ลอยคลุ้ง ชวนสำลักอย่างยิ่ง
. . . . เห็นอย่างนี้บอกได้คำเดียวว่า shock !!!!!!
. . . "กรุ.....ตายแน่ๆ"
.
. .
ทันใดนั้น สิ่งแรกที่เราสองคนทำคือ ควานหาเสื้อผ้า.....
((ไม่ต้องตกใจ ควานหาเสื้อผ้าเพื่อใส้ให้มิดชิดย่ะ ไม่ถึงขนาดแก้ผ้านอนหรอกหน่า)))
. .
.
.
คุณเคยตกใจกับอะไรสุดขีดหรือเปล่า
นั่นแหละความรู้สึกนั้นเลย
พรีมเกิดหากางเกงขาสั้นไม่เจอ "กางเกงอยู่ไหนว่ะ เสื้ออยู่ไหนว่ะ"
เด็กแวนซ์เกิดหารองเท้าแตะไม่เจอเหมือนกัน "รองเท้าเค้าอยู่ไหน"
. . . พรีมไม่รู้ว่าตอนนนี้ ไอ้ไฟที่ว่าไหม้นั้น มันไหม้ถึงไหนแล้ว
. .
. จำได้ว่าถ้าไฟไหม้ให้หนีโดยการหาผ้ามาชุบน้ำแล้วอุดจมูกหนีไปกันสำลักควัน
. .
. ไหนจะลูกอีก 4 ตัว ตายๆๆๆๆๆๆๆๆ ตายยกครัวแน่มรึงงานนี้
อยู่ตั้งชั้น 6 ทำไงดีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
.
. .
.
พรีมสติกระเจิงมาก วิ่งไปเอาผ้านวมที่มีที่เอาไปชุบน้ำยังไม่พอ
ก็ไปเอาอีกผืนมาชุบน้ำอีก ((ดูทีวีเยอะไปหน่อย))
. .
. แล้วพรีมก็เอาผ้าเปียกๆปิดหน้า คลุมหัว อุ้มน้องพุก กะน้องก้องไว้แน่นสุดชีวิต
เด็กแว๊นซ์อุ้มพี่หริ่ง กะก่ำก๊ำ แต่ไม่ยอมเอาผ้าที่พรีมชุบน้ำให้
เอ๊า!!!! _ _"
. . .
คือเรื่องของเรื่อง เด็กแว๊นซ์ มีสติมากกว่าเพราะดูแล้วเหตุการณ์ไม่น่าแย่อย่างที่คิด
. .
.
มองไปทางอีกฝั่งของห้องมันมองไม่เห็นอะไรเลย ตอนนั้นมันมีแต่ควันๆๆๆ และควัน
. . . สิ่งที่พรีมกะเด็กแว๊นซ์ เอาลงติดตัวมาด้วยจากห้องคือ
มือถือ กระเป๋าตังก์ คอมพิวเตอร์ แล้วก็ลูกๆทั้ง 4
((กรุเอาบัตรพนักงานบริษัทติดมือมาด้วย ห่วงเพื๊ออออ?????)))
. . . ก็ยังคิดอยู่ว่าถ้ามันเลวร้ายนัก เราก็คงไม่เหลืออะไร
นอกจากชีวิตของเรา ชีวิตของเด็กๆ โทรศัพท์ เงินนิดหน่อย และ คอมพิวเตอร์เท่านั้น
.
.
.
ผู้คนมากมายแตกตื่นกันลงมาที่ข้างล่าง
เสียงดังจ่อกแจ่ก พากันวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆนานา กับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น
. . . ทั้งพวก รปภ. ตำรวจ เดินขวักไขว่กันดูวุ่นวายไปหมด
พรีมลงมาอยู่ที่นั่นด้วยสภาพเปียกโซ่ก พร้อมน้องพุก กะน้องก้องที่พรีมอุ้มมา
. . . แต่เมื่อลงมา ดูเหมือนว่า คนอื่นเค้าจะไม่มีผ้าชุบน้ำอย่างที่พรีมเอามา
_ _" เอ๋า!!!สรุปกรุ ตื่นตูมเว่อร์อยู่คนเดียวเร๊อะ!!!!ฮ่วย!!
. . . พวกเรานั่งตรงนั้นซักพัก เสียงหวอรถดับเพลิงก็แว่วมา
"ดีใจจัง รถดับเพลิงมาแล้ว" . . . ตอนนั้นตี 4 นิดๆแล้ว พนักงานดับเพลิงทำงานประมาณครึ่งชม.
ทุกอย่างเลยลงเอยด้วยดี เค้า cfm ว่าพวกเราเข้าที่พักได้
ทุกคนเลยเริ่มเดินต้อยๆ กันขึ้นตึก
. . . สรุปว่า ห้องเกิดเหตุอยู่ชั้น 6 ((ชั้นเดียวกะที่พรีมอยู่)) แต่ว่าห้องเค้าอยู่ไกลพรีมระยะนึงเหมือนกัน
. .
. เหตุเกิดเพราะ น้องที่เช่าห้องเป็นน้องผู้ ช อายุประมาณ 20
เค้าจุดธูปเทียนไหว้เจ้าแม่กวนอิมไว้
และลงไปเล่นเกมส์ข้างล่าง แต่ลืมดับไฟ
_ _" กำ กำ กำ
. . . ห้องน้องเค้าเลยไหม้อยู่ห้องเดียว
และที่รู้ว่าไฟไหม้เพราะข้างห้องเค้าได้กลิ่นควันไหม้
ขณะที่เจ้าตัวคนก่อเรื่อง ยังคงเล่นเกมส์อยู่ข้างล่าง
.
. . จะว่าไปก็สงสารน้องเค้าเหมือนกัน รุ่งเช้าพรีมไปดูสภาพห้อง
มันไม่เหลืออะไรเลย ไหม้หมด ยกเว้นรูปปั้นของเจ้าแม่กวนอิม
((เออ.....เอากะเค้าสิ))
. . . ไม่รู้ว่าตอนนี้น้องเค้า และเจ้าของห้องจะดำเนินการไปถึงไหนแล้ว
ทุกวันนี้ห้องยังคงไหม้ดำเป็นตอตะโก ทุกอย่างถูกขนไปทิ้งหมดแล้ว
. . . .
แต่สิ่งที่เหลืออยู่คือ เถ้าของความไหม้ สีดำๆของห้องที่ถูกไหม้
และกลิ่นเหม็นไหม้ ที่ยังคละคลุ้งไปทั่วชั้น 6 ที่เราอยู่
ทุกครั้งเวลาที่เราเดินออกจากห้อง หรือออกจากลิฟท์ กลิ่นไหม้จะตามหลอกหลอนเราอยู่
. . . สุดท้ายสิ่งที่มันจะยังอยู่กับเราตลอดไปคือความหลอน
ความรู้สึกที่หลอนทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องคืนนั้น
ไม่อยากนึกถึงเลยจริงๆ มันแย่มาก
กับภาพที่เราต้องอุ้มเด็กๆวิ่งหนีไฟไหม้โดยที่แทบจะเอาอะไรจากห้องมาไม่ได้เลยซักชิ้น
. . . กลิ่นควัน สีเทาเหม็นคลุ้งของควันมันจะติดอยู่ที่ความรู้สึกนึ้ของเราตลอดไป
. .
. มันพาลให้คิดว่า ดีแค่ไหนแล้วที่มันไม่ไหม้ถึงห้องเรา
มันพาลทำให้คิดว่า ถ้ามันแย่กว่าที่เราคิด วันนี้.....เราจะอยู่ตรงไหนของกรุงเทพ
เราจะทำยังไง เราจะอยู่ยังไง
. .
. เฮ้อ.....แค่คิดก็เจ็บปวดแล้ว
. .
.
เริ่มเข้าใจคนอื่นที่ชีวิตเค้าอยู่ในช่วงนาทีเป็นนาทีตาย
เริ่มเข้าใจคนที่เค้าเจอเรื่องแย่ๆแบบที่ควบคุมมันไม่ได้
ไม่ว่าจะน้ำท่วม ไฟไหม้ แผ่นดินไหว หรือสึนามิ หรือแม้แต่ที่ซานติก้า
แม้ว่าอาจไม่เข้าใจได้อย่างลึกซึ้งถึงความสูญเสียนั้น
แต่ก็มีอยู่บางเสี้ยวที่เข้าใจว่า สติแตกเป็นยังไง
. . . บางทีก็คิดว่าเราโชคดีแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้สูญเสียอะไรไปเลย
ทั้งชีวิตตัวเอง ทั้งชีวิตลูกๆ ทั้งข้าวของเครื่องใช้ ยังอยู่ดี อยู่ครบ
แต่คนอื่นที่เค้าสูญเสียสิ่งที่รัก คนที่รัก ของที่รักไปในเหตุการณ์แย่ๆที่เกิดขึ้นมากมาย
เรื่องของเรา มันเทียบไม่ติดจริงๆ
. . .
วันนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นสอนให้พรีมรู้แล้วว่า เราไม่ควรประมาทต่อการใช้ชีวิต
เพราะเราจะไม่มีทางรู้เลยว่า อีก 1 นาทีข้างหน้าเราจะเจออะไรบ้าง
. .
. ต่อไปนี้เราจะใช้ทุกวินาทีอย่างมีสติที่สุด
......สัญญา.........
. . .

๖.๐๗.๒๕๕๓

......โดนซะหน้าชา........

. . . เมื่อวัน ส แอบไปสัมภาษณ์งานมา ((อีกแล้ว))
ที่นี่ อยู่ไม่ไกลบ้านมากนัก
.
. . แต่หนทางเปลี่ยวเหมือนกัน
สิ่งแวดล้อมไม่ศิวิไลซ์อย่างตึกที่สาธรหรอก ((ไม่ได้ใกล้เคียงแถมยังห่างไกลกันเย๊อะ))
. . . คนที่สัมภาษณ์เป็นต่างชาติ ผจก.การตลาด
ตอนสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษพร้อมกับผู้ช่วยเป็น ญ
และ ผจก.บุคคล รวมเป็น 3 คน ((รุมกรุคนเดียว))
. . . ที่นี่สัมภาษณ์ปะหลาดมาก
คือไอ้ตอนสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษอ่ะ ไม่เท่าไหร่หรอก
แต่ตอนให้เราทำตามคำขออย่างอื่นต่อหน้านี่สิ
. . มันเกร็ง
. .
. อย่างแรกเค้าก็ให้อ่านเมลล์ภาษาอังกฤษยาว 1 หน้ากระดาษ
ไอ้สำเนียงดัดจริตๆ accent อ่ะ ไม่มีปัญหาพอได้ๆ
. . .
จากนั้นก็ให้แปลเมลล์ที่อ่านเป็นภาษาไทย
โดยที่ไม่ต้องเขียนออกมา
แต่ให้แปลโดยการพูดให้ฟังประโยคต่อประโยคเลยว่าแปลว่าไง???
.
.
เอ่อ.....ไอ้นี่ก็ไม่เท่าไหร่หรอก ถึงเมลล์จะไม่เกี่ยวกะเรื่องงานที่เคยทำ
แต่ จม. ธุรกิจก็ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่หรอก เด็กๆ
. .
.
จากนั้นก็ให้เราเขียน e-mail
เป็นภาษาอังกฤษ โดยให้โจทย์ที่เค้าต้องการ
ไอ้เขียนเมลล์อ่ะ พอได้อยู่
แต่ให้เขียนต่อหน้าตรงนั้น
โดยที่ไม่ให้ตั้งสติอะไรเลย ต่อหน้าคนสัมภาษณ์ถึง 3 คนเนี่ย
. . . มันเกร็ง
.
.
.
สุดท้ายเค้าให้เขียนทัศนะติต่อเรื่องงานยาวเท่าที่ต้องการ
เป็นภาษาอังกฤษอีก
โอ้วววว.......คือว่าถ้ามี พท.ส่วนตัวให้กรุได้ทำซักนิดก็ไม่มีปัญหาหรอก
แต่ให้ทำต่อหน้าให้คิดต่อหน้าอย่างนี้ มันก็ไม่ทันตั้งตัวว่ะ
. . . แต่สุดท้ายก็ผ่านพ้นทุกอย่างไปได้
อย่างไม่มีปัญหาและหน้าละอายแต่อย่างใด ((มั้ง))
. .
.
ไอ้ที่เล่ามาทั้งหมด มันก็ยังไม่ได้เกี่ยวกะเรื่องที่พรีมว่าแปลกหรอก
แต่ไอ้ที่แปลกคือ ก่อนสัมภาษณ์
ผจก. บุคคล ถามขึ้นมาก่อนเป็นอันดับแรกเลยว่า
. . . "ไม่ทราบว่าน้องมีปัญหาเรื่องบัตรเครดิตหรือเปล่าค่ะ
เพราะถ้ามีปัญหาเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทวงหนี้ หรือการอายัติเงินเดือน
ทางเราจะไม่รับคนที่มีปัญหาเหล่านี้ไว้นะค่ะ เพราะไม่อยากมีปัญหา"
. . . จากนั้น she ก็ บลาๆๆๆๆๆเรื่องเหตุผลต่างๆนาๆ
. . .
โอ้วว....แม่เจ้า พอได้ยินเรื่องนี้เท่านั้นแหละ
กรุงี้ หน้าชา ร้อนผ่าวเลยทีเดียว
.
. . ก็แหม...มันช่างเป็นประโยคที่แทงใจดำกรุเสียจริง จริ๊งงงงงง
. .
.
เพราะที่ she ว่ามาทั้งหมด มันคือสถานการณ์ของชีวิตกรุตอนนี้ทั้งนั้นเลย
. . . U^U งานนี้เลยไม่รู้ว่า ถ้าได้กรุจะดีใจหรือเสียใจดี
. .
.
เซ็งเนอะ ความที่เป็นหนี้ ดันจะมาโดนตัดโอกาสทางการทำงานซะงั้น
. . .
เฮ่ออออออออออออออออออ
.
. .

๖.๐๔.๒๕๕๓

........FB ของพรีม........

. . . หายเงียบจาก blog ไปพอสมควร
((เพราะมัวแต่ไปสิงตัวที่ FB _ _"))
. . . . ตั้งแต่ได้ยิน fb ครั้งแรกซัก 2 ปีที่แล้ว
((ตอนนั้น fb ยังไม่เป็นที่นิยม แต่ว่า hi5 จะมาแรงมาก))
.
. ก็ไม่ได้คิดว่าจะสนใจอะไร เห็นเพื่อน((ที่มีสามีเป็นฝรั่ง))
เค้าบอกว่า fb กะ twitter นั้นสำหรับฝรั่งจะได้รับความนิยมมากกว่า hi5
((เพราะอะไรก็ บลาๆๆๆๆ .....))
. . .
ไอ้เราก็ไม่คิดอะไร แล้วก็ไม่อยากจะเล่นอะไรด้วย
.
.
. เพราะแค่ hi5 ที่มีก็โง่กะมันบรมเลย
เจอ fb เจอ twitter ยิ่งมึนติ๊บ
เพราะยังไม่เห็นประโยชน์และไม่รู้ว่า มันจะมีไว้ทำอะไร และเพื่ออะไร?????ว่ะ!!!!
.
. . เพราะส่วนตัวไม่ค่อยชอบระบบอะไรที่มันเป็นเครือข่ายเท่าไหร่
((ดูวุ่นวาย และไม่เป็นส่วนตัว))
แต่ก็เอาเหอะ ชาวบ้านเค้ามีกัน
งั้นกรุก็ขอมีมั่ง กลัวตกเทรนด์ ((เท่านั้นแหละ))
. . . twitter ก็สมัครนะ((เสร่อ มากก)) แต่ก็ไม่ได้เข้าไปเลย
จนลืม user กะ pw ไปแล้ว หึหึหึ ((ใส่ใจเกิ๊น))
. . .
fb แรกๆก็เปิด account ไว้งั้นๆแหละ
((แต่ไม่เคยเข้าไปดูความเคลื่อนไหวอะไรของตัวเองเล๊ยยยย))
ก็บอกแล้ว เปิดเพราะเทรนด์จริงๆ
. . . แต่เป็นเพราะมีเพื่อนเล่นกันเยอะ
พออยากจะดูรูปเพื่อนคนโน้น อยากคุยเอ็มกะคนนี้
พวกมัน!!! ก็มักจะบอกว่า
ชั้นเอารูปไปไว้ใน fb แล้ว แกตามไปดูสิ
หรือ.......ก็มีไรก็ไปเมนท์ไว้ใน fb ละกัน
. . . เอ้า!!!!
. . . งี้กรุก็ต้องตามพวกมรึงไปใน fb อ่ะเด่ะ
. . .
. เอาเหอะ เล่นก็เล่นว่ะ
.
.
แรกๆ ก็งมเป็นอึ่งอางเลย
ลงรูปตรงไหน ไปดูเพื่อนตรงไหน
เมนท์ยังไง ถูกใจทำไม???
รับเพื่อนยังไง
จะรู้ได้ไงใครมาเมนท์ให้เรา
. .
. ป๊าดดดดดดดดดด มึนตึ๊บ
ก็ก่อนหน้านี้ วันๆก็อยู่แต่ในครัวนี่หว่า
.
.
.
จนพอกลับออกมาทำงาน office ก็เออ
เริ่มมีเวลาค่ำๆหลังเลิกงาน
มาเปิดดู เล่นไป อ่านของคนโน้น คนนี้ไป
เริ่มหนุกแหะ
.
.
เริ่มไปทิ้งเมนท์ให้คนโน้น คนนี้
ไปดูรูป ไปอ่านเค้าคุยกัน ((เสือก))นั่นแหละ
. .
. เออ...มันก็สนุกดี
แต่ที่ไม่เล่นเลยก็พวกเกมส์ใน fb หรืออะไรแนวนี้
เพราะว่าขี้เกียจ ((และไม่ได้เงิน))เลยไม่เอาดีกว่า
((ปรกติเล่นเกมส์ทางเน็ทจะเป็นแนวได้เงิน เสียเงินไง ลุ้นกว่า อิอิ
ไหนๆก็จะเสียเวลาเล่นแล้ว มันก็ต้องมีได้มั่ง เสียมั่ง
. . . แต่จะให้เล่นเกมส์ใน fb เพื่อเอา สนุกๆอย่างเดียว
มันก็ดูจะเสียเวลาเปล่าๆเปลี้ยๆ
.
.
.
แต่ที่เข้าไปอ่านเข้าไปดู ก็จะเป็นพวกรูป
แล้วก็เมนท์ข้อความทิ้งไว้ให้เพื่อนๆมากกว่า
. .
ดีตรงที่ เราได้เจอคนที่ไม่ได้เจอตั้งนาน ก็มาเจอใน fb นี่แหละ
.
.
.
แปลกแมะ fb ของพรีมมีเพื่อนเยอะแยะนะ
แต่คนที่พรีมจะไม่มีใน fb ก็คือของเด็กแว๊นซ์นั่นเอง
. .
. . ที่ไม่มีเพราะว่า เค้าบอกว่า fb เอาไว้คุยกะเพื่อนๆไม่ใช่เหรอ??
ก็เลยไม่มีเด็กแวนซ์ใน fb ดีกว่า เพราะไม่ใช่เพื่อน แต่เด็กแว๊นซ์เป็นสามีนี่นา
อิอิ ^^
.
.
ปล. ใครอยากคุยกะพรีมทาง fb ก็ add พรีมเป็นเพื่อนด้วยนะค่ะ
ค้นหาจากเมลล์ได้เลยค่ะ pimmy7210@hotmail.com
. . .

๖.๐๑.๒๕๕๓

.....ฉลองยกเลิกเคอร์ฟิว........

. . . คาดว่าใครหลายๆคน คงรู้สึกเก็บกด อึดอัด กระอักกระอ่วน
กะสถานการณ์บ้านเมืองที่ประกาศเคอร์ฟิว บ้างไม่มากก็น้อย
.
. . พรีมเอง ความจริงก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกะเรื่องนี้เท่าไหร่หรอก
เพราะว่าดึกๆในช่วงเวลาที่เค้าเคอร์ฟิว ก็ไม่ได้ไปไหน แล้วก็ไม่ได้อยากไปไหนอยู่แล้ว
.
. . เอาง่ายๆ ว่าถึงแม้ว่าจะเคอร์ฟิวไป อีกซักกี่วันก็ไม่ได้ทำให้พรีมเดือดร้อนอะไรมากมายเท่าไหร่
เพราะวันๆ ก็นอนอุตุ อยู่แต่ที่ห้องสี่เหลี่ยมแคบๆอยู่ดี _ _"
.
.
.
แต่จนแล้วจนรอด
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา คือวันที่เค้าประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว
.
.
.
ความจริงมันก็ไม่ได้มีผลอะไรกะพรีมอยู่ดี ว่าป่ะ????
.
.
.
แต่เพราะพรีมไปธุระ ต้องไปหาน้องที่รู้จัก
แล้วก็เพราะว่า she ออกจะแนว hot ไม่น้อย
เลยมีหนุ่มคนโน้น คนนี้ชวนไปเที่ยวฉลองยกเลิกประกาศเคอร์ฟิว
. . . แล้วไอ้เราก็ได้ อาศัยใบบุญของ she ไปเปิดหูเปิดตากะบรรดาผู้ชายๆทั้งหลายแหล่
แต่ก็นั่นแหละ อย่าได้แคร์
. .
.
มันไปกะผู้ชายของมัน อิชั้นก็หิ้วสามี อิชั้นไปสิค่ะ
มีเสี่ยกระเป๋าหนัก ทุ่มไม่อั้น หน้าใหญ่ใจโตเลี้ยงสาวอย่างนี้
ไปหน่อยก็ได้ว่ะ กร๊ากๆๆๆๆ เดี๋ยวจะหาว่า พวกกรุใช้เงิน((คนอื่น))ไม่เป็น อิอิ
. . .
. พวกเราเลยได้ไปเริงร่ากัน ณ water side เลียบทางด่วน
พากันร้องเพลงแบบว่า หาได้สนใจคนจ่ายตังค์ไม่
. . . สั่งเบียร์ สั่งอาหารมาซะเปรมมมมมมมมมม
แล้วก็แดรกไม่หมด โว๊ะ โฮะ โฮะ ^O^
. . . . แต่แค่นั้นหาพอไม่ ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล
ด้วยความที่หนุ่มเจ้ามีเพื่อนเยอะ เพื่อนฝูงแยะ
พวกเราเลยพาไป dance ลืมแก่ต่อที่ ผับแห่งหนึ่งใน ซอยทองหล่อ
.
. . บอกไว้ก่อนว่า ตั้งแต่เที่ยวมาหลายปีดีดัก ก็เพิ่งรู้ว่าที่นี่ ปิด 6 โมงเช้า
มันเก่งป่ะ รอดหูรอดตา ไปได้ ท่าทางจะเงินหนา
.
. .
. แล้วเพลงที่เปิดที่ร้าน แม่จ๊าวววววว มันส์ม๊ากกกกกกกกกกกกก
. . . ดารา คนดังๆ celeb เพี๊ยบบบบบบบบ
.
.
.
อืมมมม.....ถ้าไม่ได้ใบบุญ she ชั้นก็ไม่รู้หรอกนะเนี่ย
ว่ามีผับอย่างนี้ในเมืองกรุงด้วย หึ หึ หึ
. . . . ปล. ไปเจอ พิทช์ ซีควิน แฟนโฟร์ แมร่ง หล่อแบบ
หล่อโค๊ดๆๆๆๆๆๆ หล่อแบบ เฮ้ย!!!! มรึงจะหล่อไปไหนว่ะ
หน้าแบบว่า เล็กแสรดดดดดดดด เล็กม๊ากกกก
ผู้ ญ หน้า บานๆ อย่างกรุ อายเลย หน้าใสเกิ๊นนนนนนน
. . . ปล. 1 ฉลองการประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว ด้วยการไขประตูห้องในเช้าวันอาทิตย์
ณ เวลา 05.00 น.
. . . ปล. 2 ถามว่าหาได้สนใจลูกเต้ามั๊ย?????? หึ หึ หึ
.
.