๑๒.๒๙.๒๕๕๑

.....บทส่งท้าย 2008.....

วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการทำงานในปี 2008 แล้ว
.
.
อีกไม่กี่วันก็จะปีใหม่แล้ว
สาธุๆๆ ขอให้มีสิ่งดีๆ สิ่งใหม่เข้ามาทำให้ชีวิตดีขึ้นๆ ด้วยเถิด
.
.
ก็ไม่ได้อวยพรให้เพียงตัวเองหรอกนะ
พิมยังขออวยพรให้กับเพื่อนๆทุกคน
และคนที่รักและหวังดีต่อกัน
.
.
ปีหน้าฟ้าใหม่ ก็ขอให้เจอสิ่งใหม่ๆ
.
.
จำได้ ปีที่แล้ว พิมเขียนกลอนอวยพรให้
แต่ปีนี้ คงไม่ทันแล้ว เพราะมีเวลาอยู่ออฟฟิศไม่กี่ ชม.
ก็ต้องเก็บของกลับแล้ว ^^ ((แอบดีใจๆ))
.
.
และพรุ่งนี้เรา ((พ่อ แม่ และลูกๆทั้ง 4)) ก็จะพากันเดินทางไป สระแก้ว
หุหุหุ งานนี้ต้องได้เอาสำลีไปซักตัน เอาไว้อุดหูที่ต้องโดนบ่น
.
.
แอบตื่นเต้นนิดหน่อย
เพราะว่า ปีใหม่ปีนี้ พิมเปลี่ยนหน้าลูกเขยไปไหว้พ่อแม่ ((อีกแล้ว)) 555+
.
.
ก็คงไปซัก 2-3 วัน แล้วก็คงกลับมา
((พร้อมของฝาก ที่บอกเพื่อนๆไว้ว่าจะหิ้วเอามาฝาก))
รอหน่อยเด้อ พี่น้องเด้อ เหอะๆๆ
.
.
สำหรับการเขียน blog วันนี้คงเป็นวันส่งท้าย ปี 2008 เช่นกัน
ปีหน้าฟ้าใหม่ 2009 คงได้มาเริ่มเขียนใหม่
.
.
ยังมีอะไรที่ยังไม่ได้ลงอีกเยอะ
ตอนนี้ข้อมูลเพียบ คงได้ทะยอยๆ เอามาลง ทั้งเนื้อหา และรูปภาพ
.
.
ปีนี้ขอส่งท้ายด้วยบทกลอนบทสั้นๆ
เอาไว้อวยพรกันเด้อ
.
.
สิ้นเสียที ปีเก่า อันเน่าเขรอะ
ทั้งเรื่องเลอะ สกปรก รกหมักหมม
ทั้งเรื่องห่วย เรื่องบัดสี ที่โสมม
ขอให้มัน หายจม ลงธรณี
.
.
ขอปีหน้า ฟ้าใหม่ ใสบรรเจิด
ให้งามเลิศ ผ่องแผ้ว พร้อมสุขศรี
ให้ร่ำรวย สวยใส ไร้ราคี
ให้มั่งมี ศรีสุข ทุกข์วางวาย
.
.
ปีใหม่แล้ว ขอคลาดแคล้ว ภัยพิบัติ
ให้ทุกข์ภัย ถูกขจัด มลายหาย
ขอให้โชค ขอให้ดี แสนสบาย
ขอให้คลาย ทุกข์โศก และโรคภัย
.
.
พรอันใด ที่มี ในโลกหล้า
จงนำพา ผองเพื่อน พบสดใส
ดลบันดาล ให้ท่านสุข ทั้งกายใจ
ขอปีหน้า ฟ้าใหม่ สดใสเทอญญญญญญญญญ...
.
.
ด้วยความปารถนาดีจากพิม-พิ-พริ้ม อย่าง ยิ่งยวด คร่า ^^
.
.

๑๒.๒๖.๒๕๕๑

......ขอโทษ......

เครียด!!!!
มีหลายเรื่องให้เครียด
.
.
ปัญหาบางอย่าง ถึงมีทางออก แต่ยากจะอธิบาย
เพราะอธิบายไป ก็เท่านั้น เหนื่อย!!!!
.
.
เหตุผลบางอย่างก็ฟังดูแล้วไม่ขึ้น
ยอมรับแหละ ว่าเรามันแย่ และเหลวไหล
.
.
แต่ที่สุดแล้ว
“แล้วยังไงล่ะ????”
.
.
ปัญหา สร้างมันขึ้นมาเอง ก็ต้องแก้มันไม่ใช่เหรอ
โตแล้ว ใช่!!! เรามันโตแล้ว
.
.
เชื่อใจและปล่อยวางเหอะ ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี่แล้วแหละ
.
.
ขอโทษค่ะ ที่พิมทำให้ไม่สบายใจอีกแล้ว
((ถึงมันจะเป็นในรอบ 4 ปีก็เหอะ))
.
.
ปวดหัว อย่าพึ่งเซ้าซี้ อย่าพึ่งมีคำถามเลย
ตอบไม่ได้ ไม่อยากตอบ ไม่อยากพูด ไม่อยากแก้ตัว
.
.
ปฏิเสธไปก็เท่านั้น ยอมรับไปก็เท่านั้น
ปิดกั้นความคิดกันอยู่ดี
.
.
ยังมีชีวิต ยังมีอิสระ ยังไม่ตาย แล้วก็ยังไม่จวนเจียนใกล้ตายด้วย
ยังหายใจ แม้มันจะติดๆขัดๆไปบ้าง แต่ก็นั่นแหละ ก็ยังไม่ตายไม่ใช่เหรอ
.
.
เข้มแข็งเต็มที่แล้ว แต่ทางแก้ มันยังไม่ใช่ตอนนี้
.
.
พิมรู้มันยากจะทำให้เข้าใจ
.
.
แล้วจะต้องให้ทำยังไง ปล่อยว่างเถอะค่ะ พิมโตแล้ว
.
.

๑๒.๒๔.๒๕๕๑

....เมื่อยัยบ้านนอก ไปร่วมงานศพคนกรุง.....

อย่างที่เล่าให้ฟัง ว่าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
พิมไปงานศพ คุณตา ญาติของเด็กแว๊นซ์
.
.
จะบอกว่า นี่เป็นครั้งแรก ของการไปงานศพของคนกรุงเทพ ในชีวิตพิม ((จริงๆนะ))
.
.
การไปงานศพครั้งนี้ ทำให้พิมเห็นถึงความแตกต่างระหว่างคนกรุงเทพ
กับคนบ้านนอกไม่น้อยเลยทีเดียว
.
.
เพราะเมื่อไปถึงวัด แววบ้านนอกก็เริ่มฉาย
.
.
พิม : ตะเอง ไปจอดรถไหนง่ะ???
เด็กแว๊นซ์ : ก็แถวๆเมรุ อะคับ งานตาเค้า อยู่ศาลาแถวๆนั้น
(( พิม : ((คิดในใจ)) อื้มมมม....คนกรุงเทพนี่เค้าขยันตายพร้อมๆกันเนอะ
มีหลายศาลา หลายศพด้วย อย่างนี้จะงงมั๊ยว่าอยู่ศาลาไหน ก็เห็นชุดดำ เหมือนๆหมด
ไม่เห็นเหมือนคนบ้านนอก เค้าจะรู้จัก จัดลำดับ มรึงตายก่อนนะ เดี๋ยวกรุตายทีหลัง
เดี๋ยวจะไม่มี ศาลาตั้งสวดศพ -_-“))
.
.
พอไปนั่งแหมะ ที่เก้าอี้
((พิม : ((คิดในใจ)) เออ ดีวุ้ย ได้นั่งเก้าอี้ด้วย ดีไม่เมื่อย ไม่เหมือนบ้านเราเลย นั่งพับเพียบ ตระคริวจะกินขาตายห่า))
.
.
พอนั่งปุ๊บ ก็เริ่มถามเด็กแว๊นซ์
พิม : ตะเอง เราไม่ไหว้ศพก่อนเหรอ???
เด็กแว๊นซ์ : ยังไม่ต้องก็ได้คับ รองานเลิกก่อนก็ได้
((พิม : ((คิดในใจ)) เอ้า!!! ไม่ไหว้ศพก่อน คนตายจะรู้ได้ไง ว่าเราก็มางานนะ ไม่หน้าใหญ่เลย อะไรเนี่ย -_-“))
.
.
พอนั่งไปซักพัก ก็จะมีคนเริ่มพนมมือไหว้พระ
แต่เอ???? ทำไมไม่ได้ยินเสียงพระเลย พระสวดแล้วเหรอ
พิม : ตะเอง พระสวดมนต์แล้วเหรอ????
เด็กแว๊นซ์ : คับ เริ่มแล้ว ไม่ได้ยินเหรอ
((พิม : ((คิดในใจ)) หึ !! ไม่ได้ยินง่ะ ก็ที่บ้านนอก เวลาพระสวดมนต์
เค้าจะสวดใส่ไมโครโฟนนี่นาเสียงดังไป 3 บ้าน 8 บ้าน
แต่พระกรุงเทพไม่ใช้ว่ะ หรือคงเพราะศพมีหลายศาลา ขืนใช้ไมโครโฟน อาจตีกันระงม -_-“))
.
.
นั่งไปซักพักเหลือบไปนับจำนวนพระ
พิม : ตะเอง เค้ามีพระสวดแค่ 4 รูปเหรอ???
เด็กแว๊นซ์ : คับ ก็มีเท่านี้แหละเป็นปรกติ
((พิม : ((คิดในใจ)) ที่บ้านนอกบ้านพิมนะ พระยกกันมาสวดทั้งศาลา ว้อยยยย เพี๊ยบบบบบ!!!!555+)))
.
.
ซักพักทุกคนก็เอามือลง
พิม : ตะเองพระสวดจบแล้วเหรอ???? (((เร็วจังแหะ^^))
เด็กแว๊นซ์ : ยังคับ เค้าพัก break แขกก็จะได้ทานอาหาร ทานน้ำที่ทางญาติเตรียมไว้
น้องชายเด็กแว๊นซ์ : เค้ากลัวพระเหนื่อยง่ะ เค้าเลยให้พัก
((พิม : ((คิดในใจ)) จริงเหรอ??? ถ้าเป็นบ้านนอกนะ กว่าแขกจะได้ทานอะไรก็โน่นแหละ พระสวดจบ))
.
.
แล้วอาหารก็ยกมา
แต่!!!!มันคืออะไรง่ะ ~_~”
พิม : ตะเองนี่คืออะไรค่ะ เค้าเรียกว่าอะไรเหรอ???
เด็กแว๊นซ์ ((ทำหน้าสงสัย)) ประหนึ่งว่า ถามทำไมไม่รู้จักเหรอว่า ไอ้ที่อยู่ในถ้วยเรียกว่าอะไร -_-“
.
.
เด็กแว๊นซ์ : ตะเองไม่รู้จักเกี๊ยมอี๋ เหรอ???
พิม : ง่ะ ??? ไม่รู้จักง่ะ -_-“ นี่เหรอ เกี๊ยมอี๋
เด็กแว๊นซ์ : ไปอยู่ที่ไหนมาค่ะที่รัก
พิม : เค้าคิดว่า เกี๊ยมอี๋ จะเป็นเหมือนเกี๊ยมฉ่าย
((พิม : ((คิดในใจ)) ก็พิมไม่รู้จักเกี๊ยมอี๋ จริงๆนี่นา
พิมเคยได้ยินชื่อนี้นะ แต่คิดว่าเกี๊ยมอี๋ จะเป็นพวกแนวเกี๊ยมฉ่าย ((ที่กินกะข้าวต้ม))
.
.
นั่งมองไปช้อนไป ช้อนมา
พิม : เค้าคิดว่ามันเป็น ขนมปลากิมไข่เต่า ใส่ต้มเลือดหมู ^^”
เด็กแว๊นซ์ : เอ้อ...คิดได้เนอะ ขนมปลากิมเนี่ย
((พิม : ((คิดในใจ)) ก็จริงนี่นา เส้นมันเหมือนปลากิมเด๊ะเลย แต่เค้า adapt มาใส่ในต้มเลือดหมูตะหาก -_-“
ก็ที่บ้านนอก อาหารตามงานศพ ก็หนีไม่พ้นข้าวต้ม))
.
.
กินเสร็จเค้าก็พนมมือไหว้ต่อ
((พิม : ((คิดในใจ)) ไม่สงสัยแระ เพราะว่าต้องมีต่ออีกนี่ เมื่อกี้พัก break เฉยๆ ^^”))
.
.
แต่พอกะลังจะสวดจบ ก็มีน้องผู้ ญ คนนึงเดินเอาพานที่ในนั้นมีซองขาวซัก 4-5 ซอง
และมีพวงดอกไม้วางอยู่บนพาน
เดินไปรอบงานและให้ยื่นให้แขกทุกคน
พร้อมกันนั้น เมื่อแขกได้พานก็จะยกขึ้นเหนือศรีษะ
.
.
ไอ้พิมก็ไม่รู้หรอก ว่าเค้าทำอะไร มีความหมายยังไง
แล้วก็ไม่คิดว่า ตัวเองจำเป็นต้องทำหรือไม่
.
.
แต่น้องเดินมาใกล้แล้ว และยื่นพานให้พิม
((พิม : ((คิดในใจ)) เอาว่ะ ทำตามที่เค้าทำๆกันละกัน ไม่รู้หรอกคืออะไร ทำไว้ก่อน จะได้ไม่หน้าแหก ^^”
ที่บ้านนอกกรุไม่มีอย่างนี้ด้วยสิ ให้ตายเหอะ))
.
.
ยกพานขึ้นเหนือหัวเสร็จ ((อย่างที่ไม่รู้ความหมาย))
พิม : ตะเองทำอย่างนั้นกันทำไม ทำไมต้องยกขึ้นอย่างนั้น ทำไมมีซอง เราไม่เอาเงินใส่ซองเหรอ????
เด็กแว๊นซ์ : ไม่ต้องคับ ไม่ต้อง ทำอย่างนี้เป็นสัญญาณว่า พระสวดจบแล้ว เค้าจะเอาปัจจัยให้พระ แล้วเราก็โมทะนาสาธุด้วย
((พิม : ((คิดในใจ)) อ้อ!!! เหรอ ไม่ยักกะรู้มาก่อน))
.
.
พอจะกลับเด็กแว๊นซ์ก็พาไปไหว้ศพ เพื่อทำความเคารพศพ ((ได้ไหว้ศพแล้วๆ))
พิม : ตะเองจุดธูปเผื่อเค้าดอกนึงด้วย
((จะบอกทำไม ในเมื่อเค้ามีญาติๆคอยยื่นให้ คนละ 1 ดอกแล้ว))
.
.
กราบศพ เรียบร้อย 1 ครั้ง ไม่แบบมือ พิมก็ยื่นธูปให้เด็กแว๊นซ์
พิม : ตะเองเอาธูปปักให้เค้าที
เด็กแว๊นซ์ : เค้าไม่ให้ปักธูปแทนกันคับ -_-“
((พิม : ((คิดในใจ)) เอ้าจริงดิ ไม่ยักกะรู้ ((อีกแล้ว)) ))
.
.
พอถึงเวลาญาติๆ แขกเหรื่อก็หายหมดภายในพริบตา
พิม : ตะเองเค้าไม่มีใครเฝ้าศพเหรอ????
เด็กแว๊นซ์ : ไม่มีคับ เค้าจะ lock ศาลาเลย
พิม : ถ้าเป็นแถวบ้านเค้านะ จะมีพวกพากันเฝ้าศพแหละ แต่ว่าเค้าไม่ได้นั่งเฉยๆหรอก เค้าพากันนั่งเล่นไพ่ หรือไฮโล กัน
เด็กแว๊นซ์ : เคยได้ยินมาเหมือนกันคับ
((พิม : ((คิดในใจ)) น่านนนนน มันฉลาด))
.
.
จากงานศพก็พากันไป ร้านนมสด
และหลังจากเราพากันอิ่มแปร้ มาจากนมสดร้านอร่อยแล้ว
ก็พากันถึงที่พัก
.
.
เด็กแว๊นซ์ : ตัวเองไม่ล้างหน้าเหรอ
พิม : ล้างทำไม ก็เค้ายังไม่อยากอาบน้ำตอนนี้ ก็ยังไม่นอนซะหน่อย
เด็กแว๊นซ์ : ตัวเองคับ ((เริ่มมีน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย)) เวลาคนที่เค้ากลับมาจากงานศพง่ะ
เค้าให้กลับมาล้างหน้าเลย ไม่รู้เหรอ???
พิม : o_O จริงเหรออออ ไม่รู้ นี่นา ((แล้วก็รีบตาลีตาเหลือกไปล้างหน้าอย่างหมดจด))
((พิม : ((คิดในใจ)) ก็พึ่งเคยได้ยินนี่แหละ))
.
.
กรี๊ดดด >.< นี่ชั้นกลายเป็นยัยดี้แก่อายุ 30 ปีที่ไม่เคยจะรู้เรื่องอะไรกะเค้าเลยหรือนี่
ทำไงได้ล่ะ ก็พิมไม่เคยไปงานศพนี่นา ไม่เห็นจะรู้เรื่องอะไรอย่างนี้เลย
ต้องลำบากให้เด็กอายุ 23 คอยบอก คอยสอนอยู่ได้ เวงกำแท้ อายจัง -_-“
.
.
ปล. เด็กแว๊นซ์มีพูดทิ้งท้ายไว้ว่า : นี่พระไม่ติดละครนะ เลยสวดช้า ถ้าพระติดละครจะสวดเร็วและจบเร็วกว่านี้
พิม : อะไรนะ พระมีติดละครด้วยเหรอ ทั้งที่ต้องมาสวดศพเนี่ยนะ
เด็กแว๊นซ์ : มุขคับมุข มันเป็นมุขเฉยๆ ว่า ถ้าพระสวดเร็วแสดงว่าพระติดละครไง ขำขำหน่า ที่รัก
((พิม : ((คิดในใจ)) -_-“ ก็คิดว่าพูดจริงนี่นา ยังว่าอยู่พระอะไรว่ะ ติดละคร))
.
.

๑๒.๒๓.๒๕๕๑

.....ศ-ส-อา จัดปายยยยยยย.....

เมื่อวันศุกร์ ด้วยความที่ เด็กแว๊นซ์ ต้องมีงานเลี้ยงปีใหม่ที่บริษัท
((เลี้ยงกันทั้ง บ.แม่และ บ.ลูก)
.
.
เลยทำให้เย็นวัน ศ ที่ผ่านมาพิมโสดดดดดดดดดดดด 5555+
.
.
แต่ว่าจะไปไหนดี ว่างๆอย่างนี้ วัน ศ อย่างนี้
((ไปไหนดีว้าๆๆๆ ^^ แอบมีความสุข สุดริดแหละกรุง่ะ))
.
.
พอดิบพอดีว่า น้องคนนึง เป็นน้องที่รู้จักกันมาเนิ่นนาน
หลายปีดีดัก แต่ทว่า เราไม่ได้เจอกันเลย
.
.
แต่มีวันนึงบังเอิญไปเจอที่ สวน จจ. เท่านั้น แต่ไม่ได้คุยไรมาก
เพราะมันมากะเมีย ((ได้ข่าวว่าเมียแมร่งดุสาดดด))
.
.
แล้ววัน ศ เห็นน้องเค้าออนเอ็ม
((ทั้งที่ปรกติเค้าก็ออนมั่งไม่ออนมั่ง เราเองก็ออนมั่งไม่ออนมั่ง))
.
.
เราเลยชวนกันไปลำลึกความหลังกันหน่อย
((ว้าย!!! ไม่ใช่แระๆ))
.
.
ก็แค่ชวนกันไปนั่งกินเบียร์ด้วยบรรยากาศ ชิว ชิว
น้องเลยได้โอกาศให้ชวนพี่ฟ้ากันด้วย เพราะเค้าก็รู้จักพี่ฟ้ามาพอๆกัน
.
.
ด้วยความที่น้องอยู่แถวลาดพร้าว 106 เราเลยตกลังกันไว้ว่า
เราจะไปหาอะไร ชิว ชิว กันที่ตะวันนาละกัน
((ที่นั่นวัยรุ่นเยอะดี ที่สำคัญทอมเยอะด้วย ไม่เชื่อถามอิเจ๊ 69 ได้ 5555+))
.
.
ได้การล่ะ ไปตะวันนา เลยโทรชวนอิเพื่อนปาล์มซะหน่อย
กรี๊ดดด >.< มันไปได้ด้วยว้อย
.
.
ตายห่าๆ ร้อยวันพันปี มันก็ไม่เคยจะได้ไปไหนมาไหนกะเรา ดีใจมากๆ ^^
((เพราะไปตะวันนาไง ใกล้คอนโดมันๆเลยไป -_-“ ไม่ใช่เพราะอยากเจอกรุหรอก เชื่อดิ))
.
.
งานนี้คิดค่าเสียหายไป คนละ 200 บาท
((แต่อิพิมไม่ต้องจ่าย เพราะสามีเด็ก ตามมาสมทบ แล้วก็กรุเนียนให้ผัวจ่ายให้ หึหึหึ ฉลาดล้ำ))
.
.
ปล. ขอบคุณน้อง สำหรับ chocolate ที่อุตส่าห์สั่งห่อของขวัญให้
((คุ้มมากค่ะ chocolate 1 เม็ด ต้องลงทุนห่อกันเลยทีเดียว))
.
.
ยามเมื่อวันเสาร์ ก็ถึงคราวต้องแต่งตัวออกไป party เลี้ยงส่งท้ายปีใหม่อีก
แต่คราวนี้เป็นก็เป็นงานเลี้ยง บ. ของเด็กแว๊นซ์ อีกรอบ
((คือว่า ครั้งนี้เลี้ยง พวก บ.ลูกอย่างเดียวแล้วไง))
.
.
พิมเลยได้เสนอหนังหน้าไปด้วย 5555+ เนียนๆไปแดรกโต๊ะจีนงั้นแหละ
.
.
จนแล้วจนรอด แม้ว่างานเลี้ยงจะเต็มไปด้วยแอลกอฮร์ อย่างสุรา และเบียร์เพียงใด
กรุ 2 คนก็โดนลากกกกกกไป RCA ต่อ -__-“
((ดีเนอะ มีเหล้ากินฟรีๆไม่ชอบ ชอบเสียตังก์))
.
.
แล้วก็เอากรุไปนั่ง ทรมาน หน้าหงิก หน้างอ
เพราะ เด็กแว๊นซ์ เมาได้ที่ dance กระจาย หาได้สนใจกรุไม่ _*_
ก็เล่นเอากรุ อารมณ์เสีย ((ที่อารมณ์เสีย เพราะเซ็ง ผัว สนุกเกินหน้าเกิ๊นนนนน หึหึหึ))
.
.
คืนนั้นกลับมาในสภาพ ประหนึ่งขับรถกลับบ้านคนเดียว
มีสะสาร นั่งอยู่ข้างๆ แต่สะสารนั้น ดูดซับแอลกอฮอร์ไว้มากไปหน่อย
เลยเมาแอ๋ ไม่รู้เรื่อง ((ส้นตรีน)) อะไรเลยสาดดดด Y^Y
.
.
ตื่นมาวันอาทิตย์ กรุก็ยังงอนมันอยู่
แต่ด้วยความที่เค้ายัง still hang อยู่ เลยยังไม่สนใจรังสี อำมะหิตจากเมียที่แผ่ซ่าน
.
.
จนกระทั่ง บ่าย 4 โมงเย็น
เมื่อพากันตื่นได้สติ จริงๆ
.
.
ทันใดนั้น
ปิ๊ง ปิ๊ง ปิ๊ง !!!!
((สายตา 2 คู่ ประสานกัน))
.
.
เอาล่ะสิ เด็กแว๊นซ์คงเริ่มรู้ตัว งานเข้าแล้ว
หึ หึ หึ ((เพิ่งรู้ตัวเหรอสาดดดดด))
.
.
วันนั้นพิมเลยเป็นต่อ ในการต่อรองทุกสิ่งอัน
เพราะเด็กแว๊นซ์สำนึกผิดอย่างรุนแรง อิอิ ^^
กรุชน๊ะ !!!!
.
.
จำไว้นะ ว่าจะไม่เมา ((ไม่สนใจเมีย)) อย่างนี้อีก
((ไม่เป็นเพื่อนกรุตอนขับรถกลับบ้านด้วย กรุเคืองว้อย!!!))
.
.
แต่ว่าตกเย็นเราก็ต้องพากันไปงานศพ คุณตา ((ญาติสายอ้อมๆ))ของเด็กแว๊นซ์
.
.
นี่ก็ครั้งแรก ของอิพิมที่เคยไปงานศพของคนกรุงเทพเค้า
ความจริงงานศพที่ไหนก็ย่อมเหมือนกัน ถูกป่ะค่ะ
แต่สำหรับพิมมันมีความแตกต่าง ที่พิมพึ่งตาสว่างก็งานนี้แหละ
((เอาไว้จะเล่าให้ฟังวันหน้า)
.
.
เสร็จงาน ล่ำลาผู้ใหญ่เรียบร้อย
พอขากลับเลยกนึกอยากกิน หนมปัง-นมสด ขึ้นมา
.
.
เด็กแว๊นซ์บอกว่า แถวประดิพัทธ์ มีร้านนมสดร้านนึงอร่อย
เป็นร้านเจ้าประจำของเค้า ก่อนที่จะมารู้จักพิมซะอีก
.
.
เลยให้นำทางพาไปทานซะหน่อย
อื้มมมม อร่อยจริงๆค่ะ ไม่แพงด้วย ได้เร็วอีกตะหาก
.
.
สั่งมาเยอะ จนเรากินกันไม่หมด แถมค่าเสียหาย ไม่ถึง 100 ด้วย ดีจริงๆ
.
.
เห็นแล้วก็ให้หวนคิดถึงความหลัง ยามครั้งเมื่อเราทำเองไม่ได้
เพราะของเรา ก็อร่อยไม่แพ้กันหรอก อิอิ ^^
.
.

๑๒.๑๙.๒๕๕๑

....ไปดูมาแล้ว Happy Birthday.....

หนังรักโรแมนติกดราม่า
.
.
“จีบได้เปล่า?...”
“คิดจะจีบ ดีพอแล้วเหรอ”
คำถามที่ “เภา” ทิ้งไว้ให้ “เต็น”
.
.
พิมว่า ใครคิดที่จะไปดูหนังเรื่องนี้
แล้วหวังว่าจะได้หลั่งน้ำตา พรั่งพรูแบบหนังรักอย่าง The Letter
บอกได้เลยนะค่ะ ว่ามันอาจไม่ได้เป็นอย่างนั้น
.
.
ตัวหนังพิมไม่ได้บอกว่ามันไม่เศร้า
แต่มันไม่ได้เป็นหนังที่เน้นและตอกย้ำให้เห็นถึงความเสียใจแบบกระชากอารมณ์
อย่างที่ หนุ่ม อรรถพร และ แอน ทองประสม ทำไว้ใน The Letter
.
.
แต่ก็พอจะให้ให้ซึ้งได้ไม่น้อยทีเดียว
โดยเฉพาะเมื่อเวลาที่หนังจบ แล้วเราก้าวออกมาจากโรงหนัง
.
.
แล้วก็มองคนข้างตัว ที่จูงมือเรา แล้วก้าวออกมาพร้อมเค้า
ด้วยร่างกาย และหัวใจที่สมบูรณ์ครบถ้วน
.
.
เราก็แทบจะทนไม่ไหวที่จะบอกกับเค้าว่า
อยู่กับเค้า อย่างนี้ ไปนานๆนะ
.
.
หนังเรื่องนี้พิมเชื่อว่า ถ้าคู่รักคู่ไหนที่ได้ไปดู
จะทำให้คุณรักคนรักของคุณมากขึ้น
และที่สำคัญ คุณก็คงจะพร้อมที่จะ ดูแล คนรักของคุณให้ได้อย่างดีที่สุดด้วย
.
.
เมื่อวานที่พิมเข้าไปดูหนังกะคนรัก
((ขอเรียกอย่างนี้หน่อยเหอะ เพราะไปดูหนังรักนี่นา อิอิ))
ก็สู้อุตส่าห์ แอบพกกระดาษทิชชู่
((ที่ขอจากร้าน Burger King)) ไปซะ 1 ปึก ((ไม่ลงทุนเล๊ยยยย))
.
.
เพราะคิด ((เอาเอง)) ว่าหนังน่าจะทำให้เสียน้ำตาไม่มากก็น้อย
.
.
แต่ก็นั่นแหละค่ะ ไม่รู้ว่าหนังไม่เศร้าเท่าที่ควร
((แต่พิมลองไปอ่าน คนที่ไปดูหนังเรื่องนี้แล้วมาวิจารณ์กัน
ส่วนใหญ่เค้าก็เสียน้ำตากันนะ เหอะๆๆ))
หรือว่า เรา 2 คน เป็นพวกบ่อน้ำตาลึกกันแน่ -_-“
.
เลยทำให้เราทั้งคู่ ไม่เสียน้ำตาซักแหมะ
.
.
สิ่งที่ได้จากหนังเรื่องนี้
สิ่งที่ปลื้ม
ได้เห็นภาพสวย วิวสวยมาก โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวของไทย
((ที่จะเป็นทางเหนือทั้งนั้น))
.
.
ได้เห็นความกุ๊กกิ๊กของความรักในวัยหนุ่มสาว ยามแรกรัก
((ทำให้อดนึกถึงคู่ของตัวเองไม่ได้ ))
.
.
ได้เห็นความรักของผู้ชายคนหนึ่ง ที่มีให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง
แม้เธอจะเป็นแค่แฟนเท่านั้น ไม่ใช่ภรรยา
((แม้บางทีมันจะดูเว่อร์เกินความเป็นจริงไปหน่อย
แต่นั้นมันก็เป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนปราถนามิใช่หรือ))
.
.
ได้เห็นถึงการรักษาคำพูดของผู้ชายคนหนึ่ง ที่ทำทุกอย่างเพื่อรักษาคำพูดนั้น
พร้อมกับประโยคเด็ดๆ ในหนังที่ว่า “สัญญาก็คือสัญญา
.
.
ฉากที่สะเทือนใจ สำหรับพิม คงเป็นฉากที่พระเอก
เฝ้าวนเวียน เปิด card happy birthday
ให้เสียง ring happy birthday ดังอยู่นั่น ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
.
.
และฉากที่พระเ อกข้อร้องต่อศาล ว่าขอให้เขาได้เป็นคนที่ดูแลคนที่ตนรัก
แทนพ่อแม่ของนางเอกเถอะ
ได้ feel ดีมาก ((แต่ถ้าเราเป็นพ่อแม่ เราก็จะสู้ ให้ได้เป็นคนดูแลลูกเองนะ))
.
.
เพลงประกอบภาพยนต์เพราะมาก
.
.
เค้าแต่งหน้าให้ อนันดา ยามเป็นตาแก่ ได้เหมือนมาก เลยทีเดียว อิอิ ชอบๆ
.
.
สิ่งที่ไม่ปลื้มเท่าไหร่
หนังไม่ได้จบแบบหักมุมเท่าไหร่ หนังพอจะเดาทางได้
((คือเป็นคนซาดิสต์ไง ชอบหนังแบบหักมุมแล้วมันสะใจ สะเทือนใจดีออก))
.
.
หนังให้ความรู้สึกเศร้าแบบไม่ได้ feel peak พอควร
((อันนี้สงสัย พิมจะหวังมากไปหน่อย คืออยากร้องไห้และเศร้าสุดๆ อย่าง The Letter ไง))
.
.
หนังทำให้รู้สึกว่า มันยังคงเป็นได้เพียงแค่หนัง เป็นนิยาย
เป็นความคิดเพ้อฝันแบบหวังว่าจะให้มีผู้ชายอย่างนั้นจริงๆ
(( เพราะพิมก็ยังไม่เคยได้สัมผัสของจริงซักที เห็นแต่ในหนัง หรือในโฆษณาเท่านั้นนะ
ก็คงจะมีมั้ง แต่ 1 ในล้าน มั้ง ที่มีผู้ชาติที่แมร่ง ดีโคดๆอย่างนั้น))
.
.
ความรักที่ตัว เต็น ที่มีให้ ต่อ เภา มันดูยิ่งใหญ่นะ แต่ว่ามันมากจน ออกแนวเว่อร์ไปหน่อย
ตรงนี้ดูได้จาก
.
.
คนทั้งคู่ เพิ่งคบกันได้ไม่นาน ((น่าจะ 2-3 เดือน หรือมากกว่านั้นนิดหน่อย))
ความรู้สึกผูกพันมันน้อยมาก ถ้าจะเทียบกับความทุ่มเทที่พระเอกทำให้นางเอก
.
.
พิมคงไม่เถียงหรอกว่า ในโลกเรา
มีคนๆนึง สามารถดูแลและทุ่มเทให้กับคนๆนึงได้อย่างที่หนังเป็นจริงๆ เช่น
.
.
คุณอโนเชาว์ ยอดบุตร กับคุณแม่ =>อย่าลืมว่า 2 ท่านนี้เป็น แม่ลูกกันนะ
บิ๊ก D2B กับคุณพ่อ => และ 2 ท่านนี้ก็เป็นพ่อลูกกัน
คุณดี๋ กับ ครอบครัว => เค้าคือคนในครอบครัวเป็นพ่อ ลูก เป็นสามีและภรรยา
ป้าศรีกับลุงบุญแม้น => 2 ตายาย ที่คงเป็น ผัวเมีย
ที่น่าจะใช้ชีวิตร่วมกันมานาน กว่า 40-50 ปีแล้วแหละ
.
.
จะเห็นได้ว่า ตัวอย่างที่มีให้เห็น ทั้ง 2 ฝ่าย มีความผูกพันกันมากทั้งทางสายเลือด
และทางระยะเวลา จึงไม่น่าแปลกที่พวกเค้าจะทำอะไรเพื่อคนที่รัก
.
.
คนทั้งคู่ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน แบบลึกซึ้ง ทั้งทางนิตินัยและพฤตินัย
เต็น เรียกได้ว่าแทบจะไม่น่าจะมีสิทธิ์ใดๆ
มาฟ้องร้องต่อศาลเพื่อขอดูแล เภา กับพ่อแม่ของเธอ
((ซึ่งความเป็นจริง เรายังไม่ได้เป็นอะไรกับเค้า
อย่างน้อยก็น่าจะเคารพในการตัดสินใจของพ่อแม่ผู้ให้กำเหนิดของเค้ามิใช่หรือ))
.
.
สิ่งที่ เต็น พยายามทำทุกอย่าง เพียงเพื่อจะอยากถาม เภา เท่านั้นเองเหรอ
ว่าตัวเอง ดีพอหรือยัง
หรือแค่ต้องการรักษาคำพูด ที่ให้ไว้
.
.
((ไม่รู้สิ ถ้าเป็นพิมจะพิสูจน์อะไรให้ใครคนหนึ่งเห็น คงต้องเป็นการกระทำ
คงไม่ต้องมานั่งถามเค้าหรอกมั้ง ว่าเราดีพอหรือยัง เพราะสิ่งที่เราทำ คนรักของเราคงรู้สึกได้
แต่อย่างว่าแหละ เภา ที่นอนอยู่บนเตียงเฉยๆ คงไม้รู้
เพราะ she นอนเป็นเจ้าหญิงนิทรา นี่นา แหะๆ))
.
.
เค้าแต่งหน้าน้องแอม ตอนแก่ ไม่เนียนเท่าไหร่
((หรือเป็นเพราะ น้องแอม เค้าหน้าใส เกินไปหรือเปล่าไม่รู้ อิอิ ^^))
.
.
ถ้าอ่านจากสิ่งที่พิมไม่ปลื้ม ดูเหมือนพิมจะมองโลกในแง่ร้ายเนอะ
หลายๆคนคงคิดว่า ทำไมไม่คิดว่า มันคงจะมีผู้ชายดีๆ อย่างนั้นจริงๆ
.
.
ช่ายๆๆๆ Absolutely agree พิมเห็นด้วยอย่าง สุดตรีนเลยว่าคงมี และมีแน่ๆ
แต่!!!!!!!!!!.....พิมไม่เคยเจอเท่านั้น
.
.
ใครเคยเจอ ก็บอกกันด้วยเน้อออออ 5555+
.
.
((ก็ถ้ามันดีได้ซักครึ่งจริง กรุคงไม่หวังฝากผีฝากใครกะ ผู้หญิง คนนี้หรอกว่ะ
จะบอกให้ หึ หึ หึ))
.
.
ไม่ได้บอกว่ากำลังดูถูกเพศพ่อ เพราะทุกวันนี้ พ่อพิมก็ยังอยู่กับแม่ ดูแลแม่
และพิมเชื่อเหลือเกินว่าท่านทั้ง 2 จะต้องดูแลกันและกัน จนกว่าจะตายจากกันนั่นแหละ
.
.
เพราะมันมีเงื่อนไขง่ายๆ ที่ว่า นอกจากความรักที่ท่านมีต่อกันแล้ว
ความผูกพันระหว่างท่านทั้ง 2 จากวันนั้น จนถึงวันนี้
อีกเพียง 2 ปี ก็จะครบ 40 ปีแล้ว ที่ท่านร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันมา
.
.
แม่เล่าให้ฟังว่า วันที่แม่กะพ่อแต่งงานกัน คือวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๑๓
((ที่แม่จำได้ดี เพราะเป็นวันที่ คุณมิตร ชัยบรรชา ประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตวันนั้นพอดิบพอดี))
.
.
วิถีชาวบ้านในชนบท มันยากที่จะทำให้พิม อดปลื้ม สิ่งเหล่านี้ไม่ได้
แต่ในสังคมปัจจุบัน จะมีซักกี่ราย ที่เป็นอย่างนี้ หรือเป็นอย่างคู่รักในฝัน ในนวนิยาย
.
.
แม้กระทั่งตัวเราเองก็เถอะ เดี๋ยวรัก เดี๋ยวเลิกกับคนโน้น คนนี้
ยังบอกไม่ได้เลย ในวาระสุดท้าย ใครคือคนที่จะอยู่กับเรา
อาจมี หรือไม่มีก็ได้ ซึ่ง..... ((อยากเหลือเกิน อยากมี))
.
.
เพียงแค่วันนี้เราขอแค่ ดูแล ความรัก และคนรักของเรา อย่างดีที่สุด ก็พอ ^^
.
.
ปล. สิ่งที่เขียนเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล โดยส่วนตัว ชอบค่ะ แต่อยากให้ไปดูกันเอง
ปล.1 สนันสนุนหนังไทยของคนไทยด้วยกันหน่อยนะค่ะ
เค้าจะได้มีกำลังใจ ในการสร้างสรรค์ผลงานดีๆออกมาให้ชมกันไงค่ะ
.
.

๑๒.๑๘.๒๕๕๑

......มิตรภาพดีดี......

เมื่อเช้าวันจันทร์ วันเริ่มทำงานของต้นอาทิตย์อย่างนี้
.
.
ง่วง เซ็ง เบื่อ.....~_~” เมื่อไหร่จะวันศุกร์ ว้า....................
.
.
จู่ๆ ก็มีพนักงานประจำตึก เดินเข้ามาพร้อมกล่องปริศนา???
ตาลุกวาว *___* ทันที
.
.
ดูจากจ่าหน้ากล่องแล้ว....ชื่อกรุชัดๆ
-_-! ระเบิดรึเปล่าแว๊????
.
.
ยังไม่ทันได้ดูว่าเป็นใครส่งมาจากไหน
พิมรีบแกะกล่องด้วยความลุ้นระทึก เหงื่อแตกที่หน้าผากเป็นเม็ดๆ ตัวเริ่มสั่นเทา
!~_~!
.
.
อ้อ!!!!! รู้แระ ว่าใครส่งอะไรมาเซอร์ไพรส์อย่างนี้
((เริ่มคิดได้ ว่าของในกล่องน่าจะเป็นไร และมาจากไหน -_-“ แล้วจะตื่นเต้นเพื๊อออ????)))
.
.
ชะแด๊งงงงงง แง๊งงงง แง๊งงงงงง!!!!!!!
.
.
ภายในกล่องนั้นคือ
มาม่าคัฟ ค่ะ _*_
.
.
เป็นมาม่าคัฟ ยี่ห้อแปลกม๊าก “BLUE BEAR
โอ้โห!!!! มาม่าคัฟถ้วยนี้ ชื่อน่ารักจริงวุ๊ย 555+
.
.
ดูจากข้างถ้วยแล้ว ยังระบุไว้ว่า
.
.
ส่วนประกอบ
ตุ๊กตาสำเร็จรูป 1 ตัว
สีฟ้า
.
.
ข้อบ่งใช้
สำหรับเล่น ((อ้าวววว!!!กินไม่ได้หรอกหรือ????))
ห้อยกระเป๋า-มือถือ
ห้ามนำเข้าปาก ((อ๋อ!!! เค้ามีข้อห้ามนี่นา ดีนะที่แค่คิด ยังไม่ได้กินจริงๆ ^^”))
เหมาะสำหรับเด็กอายุ 4 ขวบขึ้นไป ((ถ้าจำกัดอายุสำหรับต่ำกว่า 30 ขวบละก็ กรุได้ส่งคืนเจ้าของแน่ เหอะๆ))
.
.
และ
ของขวัญ ((ห้ามจำหน่าย))
.
.
พอเปิดฝา ถ้วยมาม่าเท่านั้นแหละ
กรี๊ดดดดด >.<
.
.
เป็นตุ๊กตาหมีถัก สีฟ้า น่ารักมากมาย
.
.
พิมก็ทำตามข้อบ่งใช้เลยนะ คือ เอามาห้อยกระเป๋านั่นเอง
.
.
ตอนแรกกะว่าจะเอาเป็นพวงกุญแจ แต่เค้าไม่ได้ระบุไว้ในข้อบ่งใช้
พิมเลยไม่กล้าเอาไปเป็นที่ห้อยพวงกุญแจ
((เป็นไงค่ะ พิมทำตามข้อบ่งใช้ ดีแม๊ะ ^^))
.
.
พิมขอขอบคุณ คุณเนส เจ้าของ ของขวัญชิ้นนี้มากนะค่ะ
พิมคงไม่มีอะไรจะมอบให้ นอกจากมาเขียน blog สรรเสริญไว้ในหน้านี้ 5555+
.
.
ของขวัญชิ่นนี้มีค่าสำหรับพิมนะ
เพราะเพื่อนโอ ซิ โม่ บอกเราไว้ ในไดอารี่ของเพื่อนว่า
.....คนรับต่างหากคือผู้ที่กำหนดคุณค่าของสิ่งนั้น.....
.
.
เพราะพิมรู้ว่า ตุ๊กตาแบบนี้ ใครๆก็ทำได้ ((แต่ก็ยกเว้นพิมนะ แหะๆ ^^”))
เรื่องราคา ไม่ต้องพูดถึง
.
.
แต่สิ่งที่มีค่า คือ คุณค่าและราคา ของน้ำใจ ของเพื่อนคนนึงทางไดอารี่
ที่ตั้งใจทำให้พิมตะหาก
.
.
ดีเนอะ บางที มิตรภาพ ที่ผ่านทางเรื่องราวที่พิมเขียน
ก็มักมีสิ่งดีๆ เข้ามาเสมอ ขอบคุณทุกๆคน
หรือคนที่อยู่ไกลๆ ทั้ง SMS และโทรมาถามสารทุกช์ สุกดิบ
รวมถึงคนเพื่อนๆคนอื่นที่เป็นชาว Diarist เหมือนกัน และที่เป็นแค่นักอ่านเท่านั้น
.
.
อาจไม่มาก ไม่น้อย
แต่ก็พอที่จะทำให้พิมยังมีแรง โลดแล่นในสายของการเป็น Diarist อย่างไม่ท้อใจ
.
.

๑๒.๑๗.๒๕๕๑

.....ว่ากันด้วยเรื่องภาพยนต์.....

เดือนนี้ เป็นเดือนที่มีหนังดีๆเข้าหลายเรื่องมาก ว่าป่ะค่ะ
.
.
เรื่องนั้นก็ดี เรื่องนี้ก็น่าดู
เรื่องนั้นก็สนุก เรื่องนี้ก็น่ารัก เยอะมากมายก่ายกอง
.
.
ไอ้จะให้ตามดูทุกเรื่องก็คงไม่ไหว กระเป๋าตังก์เบาหวิวกันพอดี
.
.
เราเลยเลือกไปดูเฉพาะหนังที่อยากดู((เหมือนกัน))เท่านั้น ^^
ถือว่าเป็นวิธีประหยัดอย่างนึงนะ
.
.
เดือนนี้ผ่านมาแล้ว 2 อาทิตย์ เราดูหนังไป 3 เรื่อง ชิวาว่า ,องค์บาก2
และเรื่องล่าสุดที่ไปดูก็เป็นเรื่อง ที่ชื่อเรียกลำบ๊าก ลำบาก
.
.
The day the earth stood still
.
.
อื้มมม...สมกับเป็นหนังฟอร์มใหญ่ ส่งท้ายปีนี้นะ
เพราะว่ามันดู ยิ่งใหญ่จริงๆ โดยเฉพาะไอ้ก้อนกลมๆโตๆที่โผล่ออกมาให้เห็นง่ะ -_-“
.
.
แต่ถ้าใครเป็นคอหนังพวก Sci-fi วันสิ้นโลก หรือวันโลกพินาศ อะไรเทือกนี้
ก็อาจจะยังไม่สะใจเท่ากับการได้นั่งดูหนังอย่างเรื่อง The day after tomorrow
.
.
หรือน่าขนลุกอย่าง Water World
.
.
หรือสะเทือนใจเท่ากับ อามาเกดอน Y^Y เท่าไหร่นัก
.
.
War of the World ก็หนุกนะ แต่มนุษย์ต่างดาว ตายง่ายไปหน่อย -_-“
.
.
เพราะถ้าเทียบกัน เรื่องนี้ความยิ่งใหญ่ของฉากที่ทำล้ายล้างโลก ยังมีให้เห็นน้อยมาก
((ภาพจากทุกมุมโลก จะโผล่มาให้เห็นทางข่าวทีวี ซะส่วนใหญ่
ซึ่งก็เอาแฟ้มภาพข่าว มาหลอกคนดูมากกว่า))
.
.
เอาเป็นว่า หนังเรื่องนี้จะให้แง่คิดแนวจิตวิทยา และปลุกกระแสจิตสำนึกของมนุษย์โลก
มากกว่าจะไปเน้นฉากโลกพินาศ
.
.
แต่ถ้าใครที่อยากดูฉากแบบคลื่นน้ำอลังกาลท่วมโลก
ก็คงต้องรอดูเรื่อง 2012 ละกันนะค่ะ
เพราะว่าเรื่องนี้ เป็นเจ้าของผลงานอันเดียวกัน The day after tomorrow
.
.
รับรองเราจะได้เห็น ฉากที่ทำให้ตื่นตระหนกในวันสิ้นโลกของมนุษยชาติ อย่างสะใจแน่นอน
((มี Trailer ให้ดูทาง you tube ค่ะ ลอง key ตัวเลข 2012 ก็จะเจอแล้ว
ภาพน่าขนลุกมากเด้อ ~_~”))
.
.
แต่การรอคอยอาจนานนิดนึงนะ กรกฎาคม 2009 โน่นแหละ หึ หึ หึ
เพราะพิมเองก็รออยู่ค่ะ ((เป็นแฟนหนังแนวนี้นี่นา เลยต้องหาข้อมูลไว้หน่อย))
.
.
โอ้โห พล่ามมาเยอะ เหมือนเป็นพวกกูรูหนังซะอย่างนั้น
อิอิ ก็ไม่หรอกค่ะ แต่ว่า พิมเป็นพวกที่ชอบอ่านอะไรเกี่ยวกับ วิจารณ์หนัง ซะมากกว่า
.
.
ไม่ว่าหนังจะฉายแล้ว หรือยังไม่ฉาย ดูแล้ว หรือยังไม่ดู หนังเก่า หนังใหม่
ก็จะมาหาอ่านเอามุมมองของ นักวิจารร์มาอ่าน และวิเคราะห์ดู
.
.
เพราะหนังบางเรื่อง เราดูแล้ว พอหนังจบ เรากลับมีคำถามต่างๆมากมายในหนังเรื่องนั้น
.
.
เอาง่ายๆ เลยนะ อย่างล่าสุด องค์บาก 2 นี่แหละ แม่เจ้า!!! ออกมาจากโรง มึนตึ๊บเลย _*_
ประมาณว่า เอ้า!!!หนังจบแล้วเหรอ
.
.
หรืออย่างเรื่อง รักแห่งสยาม นี่ก็ งง กับตัว พลอย เฌอมาลย์ เธอเป็นใครกันแน่???
และอีกเรื่องที่ งง ไม่หาย กับเรื่อง พลอย หนังเรื่องพลอย ต้องการบอกอะไรกับเรา???
ส่วนเรื่อง Body ศพ 19 ก็เป็น 1 ในหนังที่ดูแล้ว แบบว่า เฮ้ย!!!อะไรว่ะ ทำไมเป็นงี้เนี่ย??? งง
.
.
แต่พอพิมมาลองหาอ่าน บทวิจรณ์หนัง ต่างๆเหล่านี้ ก็ทำให้กระจ่างกะปมต่างๆในเรื่องมากขึ้น
.
.
ประมาณว่า อ่านแล้วก็ อ้อออออ......มันเป็นแบบนี้นี่เอง
.
.
อื้มมมมม บางทีที่เราเข้าไปดูหนัง
ผู้สร้างเค้าก็ไม่ต้องการแค่จะยื่นแต่ความบันเทิงให้เราเสพหรอกค่ะ
.
.
เค้าก็ใส่อะไรไว้ในนั้นบ้างแหละ อยู่ที่ใครจะหยิบสิ่งที่เค้าแทรกไว้
เอามาคิด เอามาตรองได้ก็เท่านั้น
.
.
และพฤหัสนี้ Happy Birthday ก็จะเป็นอีกเรื่องที่เรา 2 คนจะตีตั๋วเข้าไปดู
.
.
พิมไม่ได้คาดหวังกะหนังของ พี่อ๊อฟมากมาย เพราะ Me myself รักจงเจริญ
ก็เป็นหนังรัก แบบประมาณ ต้มจืดสาหร่ายใส่คนอร์ ในสไตล์เค้า
.
.
แต่ Me myself ที่ไปดูเพราะอยากเห็นพระเอกเซอร์อย่าง อนันดา
แปลงกายเป็นกระเทยเท่านั้น
ซึ่งก็ผิดหวังนะ ยังไม่มีความสมจริงเท่าไหร่
เพราะภาพของ อนันดา ตอนนั้น ยังดูเป็นชายหนุ่มอารมณ์ติสต์
ที่แผลง อยากทาปากแดง อยากใส่รองเท้าส้นสูงตะหาก
.
.
ต่างจากพี่อ๊อฟ ผู้กำกับ ที่ถ้าลองได้เล่นบทตุ๊ด แต๋ว กระเทยแตก แหกปากวีนเมื่อไหร่
เรากลับ in และเชื่อได้ง่ายกว่ามากโข
.
.
Happy Birthday ที่หยิบเอา อนันดา มาเล่น ((แอบเอียนเล็กน้อย))ในบทชายหนุ่มผู้แสนดี
ก็ยังไม่รู้หรอก ว่าจะยังไง ดูจาก Trailer ของหนังที่ดูหลายรอบ
ทั้งจากโรง และ You tube แล้ว ก็พอจะเดาทางได้
.
.
งานนี้ก็คงได้เรียกน้ำตาคนดูกันบ้าง ไม่มากก็น้อยนะ
.
.
ที่พิมจะไปดู ไม่ได้หวัง ว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้ต่อมน้ำตาแตกพลั่กๆแต่อย่างใด
แต่ที่จะเข้าไปดู เพราะอยากรู้ว่า.....
ผู้ชายคนนึงจะทำยังไง ให้ผู้หญิงคนนึงได้รับรู้ว่า เค้า ดีพอ หรือยัง???
.
.
เพราะชีวิตจริง
พิมเองก็เป็นผู้หญิง คนนึงที่อยากรู้ว่า ผู้หญิงอีกคนนึง เค้าจะทำยังไงให้เรารับรู้ว่า เค้าดีพอ ^^
.
.
ปล. ก่อนเข้าไปดูหนังเรื่อง The day The Earth เราไปหา สเต๊กทานกันค่ะ ((สเต๊กอีกแล้ว))
ปล.1 อาหารร้านนี้อยู่ในซอย ตรง Big C อาหารอร่อยและไม่แพงเลย ที่สำคัญได้สเต๊กชิ้นโตมาก

๑๒.๑๖.๒๕๕๑

....Party ส่งท้ายปี่เก่า ต้อนรับปีใหม่......

เพื่อนๆคงได้อ่าน blog ที่อัพงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่า
Fancy night ที่บ้านน้องปิม ((น้องปอบ คนสวย)) แฟนสาวของพี่บีย์ ((บินลาเดน)) มาบ้างแล้ว
.
.
ไอ้เราก็ไปด้วย ว่าจะเนียนให้ไปอ่านของท่านอื่น
เพราะบรรยากาศโดยรวม เพื่อนๆคนอื่นเขียนได้ดี อยู่แล้ว ก็ยังไงๆอยู่
.
.
วันนี้ เลยขออัพในมุม ของตัวเองมั่งเนอะ
.
.
เริ่มจาก concept แต่งตัว
คิดๆๆๆ คิดอยู่หลายวัน กรุจะแต่งเป็นอะไรดีว่ะ????
แล้วเด็กแว๊นซ์อีก แต่งเป็นไรดีหนอ????
.
.
เอาตรีน อิพุก ก่ายหน้าผาก หลายวัน หลายคืน ก็คิดไม่ออก
.
.
จนมาสรุปเอาได้ว่า
ดิชั้น concept ขอสวยไว้ก่อนได้ป่ะล่ะ หึหึหึ ^^”
((ส่วนของสามี เออ...ค่อยคิดก็ได้ ไว้ก่อนๆ))
.
.
ดิชั้นเลยปิ๊ง!!!ขึ้นมาได้ว่า
ชื่อ Pim = P เหรอ ต้องสวย เริ่ด เชิ่ด และเมา
กรี๊ดดดด >.< งั้นกรุจะเป็น Paris Hilton
.
.
ได้ concept ตัวเองแล้วหนิ จากนั้นก็ช่วยกันคิดกะของเด็กแว๊นซ์
เหอะๆๆๆ เอาว่ะ ของสามี เล่นไม่ยาก อย่าเยอะเลย ((มาเยอะที่กรุดีกว่า)) 5555+ ^O^
.
.
ดิชั้นเดินหาชุดอยู่ 3 แหล่ง shopping ชั้นนำค่ะ
มิใช่พารากอน มิใช่เอ็มโพเรี่ยม และมิอาจใช่สยาม
หากแต่เป็นตลาดนัด เปิดท้ายเราๆ นี่แหละพี่น้องงง !!!
.
.
เกิดมา ก็ไม่เคยมีชุดเดรส กะเค้า แต่ก็ต้องใส่ -_-“
((เพราะคุณนาย Paris หล่อนมักใส่ เดรส ที่มันดู feminine มากๆ))
.
.
แล้วววววว!!! กรุก็ดั๊นไปได้ อิผ้าพันคอสี Shocking pink ก่อน
ป๊าดดดดโถ่ว!!! แล้วไอ้จะไปหาชุดที่มันเข้ากะ ผ้าพันคอสีนรกอย่างนี้มันยากม๊ากกก
((แล้วทำไม มรึงไม่หาชุดให้ได้ก่อน แล้วค่อยหา Accessory ก็ไม่เข้าใจตัวเอง -_-“))
.
.
แต่ก็ไม่เกินความสามารถของดิชั้น Paris สระแก้ว ค่ะ ^^
.
.
ได้ผ้าพันคอ ได้ชุด แล้วก็ได้แว่นตากรอบขาวอันใหญ่((ใส่แล้วตาโตเหมือนแมงปอมั่กๆ))
.
.
และหากจะให้เข้ากะ Fashion น้อง Paris สิ่งที่ขาดไม่ได้ อีกอย่างคือ คาดผม
((ซึ่งในชีวิตกรุก็ไม่เคยจะใส่เล๊ยยย))
.
.
แล้วก็ให้บังเอิ๊ญ บังเอิญ ดันไปเจอคาดผม ลายเดียวกับเดรส
ป๊าดดดดด เหมาะเหม็ง เข้ากั๊นๆ เข้ากัน
จนสาวเอ๊ะ ((แอร์โฮสเตส)) เมียของอาจารย์ชูวิทย์ เอ๊ย!!! ไม่ใช่ Teacher ติ๊บ ถามว่า
“เอาชิ้นส่วนของ เดรสตรงไหน เอาไปทำคาดผม”
.
.
เปล๊า!!!! ซื้อมาเอง 20 บาท 5555+
.
.
งามนี้ดิชั้นเลยเริ่ด บรรเจิดด้วยงบ ไม่ถึง 500 บาท ^^
อ้อ!!! มีเพิ่มเติม ลงทุนโกรกสีผมให้อ่อนลง ((หวังจะเป็นฝรั่งด้วย))
แต่ก็ได้เท่าที่เห็นนั่นแหละค่ะ หึ หึ หึ _*_
.
.
ส่วนเด็กแว๊น ลงทุนด้วยเงิน ไม่เกิน 200 พอ!!! ^____^
((เพราะงบ ได้หมดไปกับ นัง ปารีส สระแก้วหมดแล้ว 555+))
.
.
อ้อ!!! เด็กแว๊นซ์ถูกพิม จัดแจง ((แบบตามมีตามเกิด))ให้เป็น
Tah = T นั่นก็คือ Tom Thailand
เหอะๆๆๆ เป็นไงค่ะ ง่าย และประหยัดงบบ่
((แค่จับสามี มาใส่เสื้อยืด สกรีนลายธงชาติไทย เท่านั้น เหอะๆๆ)))
ด้วยเหตุนี้แหละ สามีดิชั้น จึงได้รางวัลแต่งกายยอดแย่ เพราะเมียคิดแท้ๆ Y^Y
.
.
แต่ก็ช่างเหอะ 555+
เพราะดิชั้นได้คว้ารางวัลแต่งกายยอดเยี่ยมที่ 3 มาครอบครองเชียวน้า
.
.
เพราะที่ 1 คือ น้องปิม ที่แต่งเป็นปอบ ((acting ได้ใจไปเลยเกิน 100))
ที่ 2 คือ เจ๊แหม่ม 69 ที่แต่งเป็น Miss Thailand นางงาม ที่มีพร๊อพแบบ hi so มั่กๆ
((ทั้งกุญแจรถที่หญ่ายยยย มงกุฏเพชร พร้อมสายสะพาย ได้ข่าวว่าสามี เนรมิตรให้ -_-“))
.
.
ส่วนท่านอื่นๆ ก็มา มากมายตาม concept เด๊ะๆ
เยอะง่ะ บรรยายไม่หมด ไปดูที่ blog ตาม link ข้างซ้ายมือก็ได้เด้อออออ ^^
.
.
พูดเรื่องอาหารการกินหน่อย
วันนั้น ก่อนจะแปลงกายเป็น ปารีส สระแก้ว
ก็ลงทุนเป็นแม่ครัวซะก่อน
ไก่ทอดเกลือสมุนไพร คือเมนู ที่พิมเอาไปร่วมแจมกะเพื่อน
.
.
อร่อยมากๆ confirm อร่อยจริงๆ
((ไม่เชื่อถาม น้องฟ้า Flower เด่ะ))
.
.
ส่วนของรางวัลที่ดิชั้นจับได้คือ เปล เอ่เอ๊ะ จากสาวเอ๊ะ
((เวงกำ ได้มาก็ไม่ได้ใช้ เพราะดิชั้นเมาเปล ~_~” ต้องเอาไปให้พี่ชายที่สระแก้วนั่นแหละ))
.
.
ส่วนของเด็กแว๊นซ์ก็ได้มือกายสิทย์ ((เอาไว้ตีพี่หริ่ง เวลาเห่า อิอิ ^^))
และก็ได้ไม้แม่เหล็กกายสิทย์ เอาไว้ดูดของที่เป็นเหล็กไกลๆ ((เพื๊ออออ -_-“))
จากน้องแอน Army Ann นางผู้เจิดจ้า ของตำรวจ ญ พัช Police Girl เค้า
.
.
นอกจากนี้ เพื่อนสาวฟ้า ผู้ใจดี ยังแบ่งกางเกงในเข้าวิน((เอ๊ย!!! ไม่ใช่สิ เค้าเรียก จี-สตริง ))
ที่น้องเจย์ Panda สามีของ อิเจ๊ 69 เค้าเอามาจับตะหาก
ก็ด้วยความที่...นะ....ฟ้าจะเอาไปใส่เองทั้งหมดก็คงลำบาก -_-“
.
.
งานนี้เพื่อนๆ สนุกและขำๆๆๆๆ กันมากๆ เพราะบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
ทั้งสาวไผ่ red devil ที่ประกาศว่า “ดีใจที่มีภรรยาเป็นคนแรก” ((พูดไปพร้อมทำหน้าหื่นไป))
อย่างเจ๊ปิ๊ Hip Hop ((เบี้ยน)) ซับโย๋วๆ
.
.
น้องหมึก ทหารกล้า กะน้องมึน มาดามหมึก ภรรยาสุดที่เลิฟ ที่มาช้ากว่าชาวบ้าน
แต่ไม่เป็นไร มาพร้อมของอร่อย
((ที่ทำกรุท้องเสียไปหลายรอบ เพราะส้มตำหอยดอง แต๊ๆ!!! Y^Y))
.
.
ปิดท้ายด้วยการพร้อมมมมใจกันแกล้งอิปารีส
ด้วยการรวมหัวกัน ซ่อนตัว ขณะที่ดิชั้นเดินเข้าห้องน้ำ -_-“
.
.
พอออกมา ดิชั้นก็พบแต่ความว่างเปล่า T^T
.
.
ก็เข้าใจอะน่ะ ว่าสิ่งที่ทุกคนต้องการคือคำตะโกน ของอิปารีส
ตอนออกมาจากห้องน้ำแล้วไม่เจอใครว่า
เฮ้ย!!! หายไปไหนหมดว่ะ”
.
.
แต่!!!! กรุก็ไม่ตะโกน ((ตามแผนชั่วร้ายนั้น)) หึ หึ หึ ^^”
หากแต่กรุ กลับมานั่งละเลียดเบียร์ พร้อม กินทาโร่ต่อ
((หาได้ สะทกสะท้านไม่))
.
.
เพราะหวังว่า เดี๋ยวพวกคุณทั่นๆ ทั้งหลายก็ออกมาเองแหละ
แหมๆๆๆๆ หน็อยแน่ พากันไปหลบอยู่ได๊ ตั้ง 14 คน
ไม่อึดอัดกันมั่งเร๊อะ!!! พี่น้องงงงง!!!
.
.
งานนี้ทำให้เห็นแล้วจริงๆว่า
เพื่อนๆ แมร่ง !!! โคตร รักกรุเล๊ยยยยย Y^Y
.
.
ปล. งานสนุกและประทับใจสุดๆค่ะ
ปล.1 ขอบคุณกะของขวัญที่เพื่อนๆมามอบให้
ปล.2 ดีใจกะรางวัลที่ได้รับเป็นแผ่น DVD
ปล.3 แต่เนื่องด้วยเครื่องเล่นที่บ้าน ยังไม่ได้รับการศึกษาดีพอ จึงอ่าน DVD ไม่ออก
ปล.4 เลยคิดว่า ปีหน้าฟ้าใหม่ จะเอามันไปเข้าเรียนซะหน่อย เผื่อจะอ่านได้
ปล.5 เราทั้งคู่ ได้เอาประกาศนียบัตรอันทรงเกียรติ ติดไว้ที่ผนังบ้านแล้วเรียบร้อย
ปล.6 หวังว่าจะเอาไว้ให้ลูกๆหลานๆ ชิวาว่า ของเราได้พูมจายยย ในตัวแม่พิม ปารีส สระแก้ว และ ป่าป๊า ทอมไทย