๖.๐๓.๒๕๕๒

....เรา...จากกันตรงนี้เถอะ.......

กลับมาแล้ว
กลับมาครั้งนี้ มาพร้อมกับความสับสน และคำถาม ที่อยากหาคำตอบ
มีเรื่องบางเรื่องเกิดกับตัวเอง มันเอียน จนอยากระบาย แต่ไม่รู้ จะเริ่มตรงไหน
.
.
เคยมั๊ย การที่เราจะคบใครซักคน
สิ่งหนึ่งที่อยู่ในห้วงแห่งความปรารถนา คือ ความคาดหวัง
ไม่ว่าจะคาดหวัง ให้ความรักนี้สวยงาม ราบรื่น ราบเรียบ อยู่กันไปจนตลอดรอดฝั่ง
หรือคาดหวังที่จะฝากชีวิตไว้ที่เค้า
.
.
คงน้อยคนนัก ที่จะบอกว่า ความรักที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้ง
คุณอยากให้มันเป็นเพียงรักที่ฉาบฉวย
ไม่พร้อมจะจริงจัง แล้วก็คิดว่ามันไม่ยั่งยืน
.
.
คุณรู้มั๊ย ทุกครั้งที่เราคาดหวังกับมันให้มันออกมาดี
แต่มันแปลกนะบางทีมันกลับต้องจบลงง่ายๆ
ไม่ว่าจะด้วยน้ำมือของตัวเราเอง หรือด้วยน้ำมือ ของอีกฝ่าย
.
.
เมื่อเรื่องจบ แล้วก็โทษกันไป โทษกันมา ว่ามันเป็นเพราะความผิดใคร
มันเริ่มต้นจากความบกพร่องของฝ่ายไหน
น้อยนักที่จะกล่าวโทษว่า มันเกิดจากตัวของเราเอง
.
.
พูดถึงความรัก ครั้งนึงความรักของพรีมเกิดขึ้น
แรกๆ มันก็เป็นความท้าทาย ที่อยากค้นหา
ต่อๆมามันก็เริ่มเป็นความชาชิน ชาเฉย เฉยเมย
จนถึงจุดต่ำสุดของชีวิตคู่ คือ ความเบื่อหน่าย
.
.
เมื่อเกือบ 5 ปีที่แล้ว
พรีมได้เดินก้าวเข้าไปสู่ ชีวิตของคนๆหนึ่ง
แรก ๆพรีมเองก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆที่คาดหวังไว้ว่า
.
.
“ถ้าเป็นไปได้ พรีมอยากฝากชีวิตให้กับเค้าตลอดไป”
.
.
เวลาผ่านไปช้าๆ ตามวันเวลาของมัน อย่างที่ควรจะดำเนินไป
.
.
แรกๆกว่าเราจะปรับตัวเข้ากันได้ ก็เรียกได้ว่า
สร้างความเครียดให้แต่ละฝ่ายไม่น้อย
มีทะเลาะ ขัดแย้ง และความไม่เข้าใจต่อกันอยู่เนืองๆ
แต่นั่นมันก็ไม่ได้ทำให้พรีมท้อ แต่มันกลับเป็นแรงแห่งความผลักดัน
ให้ตัวเองปรับหาเค้าให้ได้
.
.
จนวันหนึ่ง เราก้าวข้ามวันเวลาไปเรื่อยๆ
เป็นที่น่ายินดี เราจับมือ เดินไปด้วยกันได้อย่างดี
.
.
แต่อย่างว่า แรกๆ น้ำต้มผักก็ว่าหวาน พอนานไปก็พาลขม
.
.
จากรักที่ต้องสร้างความเข้าใจ จนกลายเป็นความผูกพัน
แต่กระนั้น พรีมก็ตอบตัวเองไม่ได้ ว่าที่ผ่านมาเรียกว่ารักเค้าหรือเปล่า
หรือว่า มันเป็นแค่ความผูกพัน และการยึดติดอยู่กับความเคยชิน
.
.
หลายครั้งที่พรีมได้แต่เฝ้ามองชีวิตคู่ของคนอื่นๆ
ที่คนรักเค้าช่างดีแสนดี ได้แต่มองแล้วก็อิจฉา
ได้แต่หวังเล็กๆ หวังลึกๆ ไว้ว่า เราจะมีโอกาสได้เจอคู่ชีวิตดีๆ แบบนั้นได้มั๊ยน้า??
.
.
พอมองคนอื่นแล้วย้อนดูตัวเอง
.
.
ความรักของเรา ชีวิตคู่ของเรา มันเริ่มเฉยชา
เฉยเมย ไร้ความตื่นเต้น หมดความท้าทาย
.
.
จนที่สุดมันกลายเป็นความเบื่อหน่าย
.
.
เราเริ่มมีความขัดแย้งเกิดขึ้นต่อกันมากขึ้นเรื่อยๆ
ต่างคนต่างไม่ยอมซึ่งกันและกัน
ต่างคน ต่างอยู่ ต่างคนต่างไม่แคร์กัน .
.
การที่ต้องตื่นมาเจอหน้ากันในแต่ละวัน
มันเป็นเพียงหน้าที่ที่ต้องทำเท่านั้น
.
.
มันหาได้เกิดจากความรู้สึกรัก ความสิเหน่หา หรืออาทรไม่
.
.
พรีมเริ่มจะทนไม่ได้กับความรู้สึกแบบนี้
มันช่างน่าเบื่อหน่ายเสียนี่กระไร
ทำยังไง ไอ้บ้านี่จะเดินออกไปจากชีวิตกรุซะทีว่ะ
.
.
ก็ในเมื่อการดำรงอยู่ทุกวันนี้ มันเป็นเพียงความต้องทนอยู่
งั้นมันก็คงถึงเวลาต้องแยกทางกันแล้วมั้ง???
.
.
ถ้าจะให้พูดตรงๆ แบบหน้าไม่อายคือ
พรีมเริ่มมองหารักครั้งใหม่
.
.
นั่นสิ ทำไมต้องอาย มันจะผิดอะไร ถ้าเราเพียงต้องการสิ่งที่ดีกว่า
ไม่ผิดมั้ง ที่เราจะยังมีสิทธิ์เลือก((อยู่บ้าง))ละว่ะ
.
.
แล้วการคิดที่จะแยกทางครั้งนี้ เค้าเองก็คงไม่ได้รู้สึกว่าสูญเสียเราไปหรอก
ใช่สิ ก็ทุกอย่างมันถึงทางตันแล้ว ตันแล้วจริงๆ
ถ้าเราต่างจะปล่อยมือ มันคงเป็นทางที่ดีสำหรับเราทั้งคู่...ก็ได้
.
.
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ความรักครั้งใหม่ของพรีมเกิดขึ้น
.
.
เราตกลงยินยอมพร้อมใจมาใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน
((ทั้งๆที่เราต่างยังไม่ได้รู้จักกันดีพอด้วยซ้ำ))
.
.
แน่นอน ความรักครั้งนี้ มันเต็มและเปี่ยมล้นไปด้วย “ความคาดหวัง”
.
.
แต่ก็นั่นแหละ ไม่ใช่พรีมฝ่ายเดียวหรอกที่ “คาดหวัง”
เค้าเองก็เช่นกัน คาดหวังต่อการใช้ชีวิตร่วมกันทุกอย่าง
ไว้ซะจนเต็มเปี่ยม และล้นปริ่ม
.
.
บางที มันก็มากซะจน ทำเราทั้งคู่อึดอัด
.
.
บ่อยครั้งที่เรานั่งคุยกัน มองตากัน แบบเงียบๆ
แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เฮือก!!! ออกมา
มันมีบางสิ่งบางอย่าง แสดงและบ่งบอกว่า
“เราต่างผิดหวังซึ่งกันและกัน”
.
.
ประสบการณ์การใช้ชีวิตของพรีมที่ผ่านมา
มันก็ทำให้พรีมรู้ว่า ความรักของตัวเองครั้งนี้ มันจะไปได้ซักแค่ไหน
หรือจะให้พูดสั้นๆง่ายๆ ก็คือ พรีมเดาทางได้ไม่อยากว่า
“เราคงไปด้วยกันไม่รอด”
.
.
เราต่างรู้จักตัวตนของกันและกันน้อยเกินไป
เราสร้างฉากไว้บังหน้าตัวเองไว้มากจนเกินไป
เพราะพอฉากนั้นเริ่มร้าว เราต่างมองเห็นจุดบกพร่องของแต่ละฝ่าย
.
.
พรีมคงไม่อาจบอกได้ว่า มันแย่ซักแค่ไหน
แต่ต้องยอมรับว่า เราก็ต่างรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น
.
.
เค้ารับไม่ได้ที่มันต้องเป็นแบบนี้
พรีมเองก็รับไม่ได้ที่มันต้องเป็นแบบนั้น
.
.
เราต่างก้าวเข้ามายืนที่จุดของคำว่า “ไม่แคร์”
เราต่างเริ่มเห็นแต่ประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง
จนต่างฝ่าง ต่างต้องถามตัวเองว่า
“นี่กรุจะทนไปเพื่ออะไร???”
.
.
มันจะเป็นเรื่องผิดมั๊ย ที่เราต่างจะ Fade ตัวเองจากความรักครั้งนี้
มันจะเป็นการดีกว่ามั๊ยที่เราจะหยุดความสัมพันธ์ของเราลงซะ
.
.
ดีกว่าที่เราจะดึงดันที่จะใช้ชีวิตร่วมกันต่อไปอย่าง “ไม่มีความสุข”
.
.
ความดันทุรังที่จะอยู่ร่วมกัน มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น
ตรงกันข้าม มันกลับทำให้เรายิ่งอยู่อย่างทรมาน
.
.
เคยมั๊ย ที่คุณต้องทนกับการต้องทำอะไร
หรือว่าทนอยู่กับมวลสารที่มีชีวิตไม่ว่าหน้าไหน แล้วคุณรู้สึกว่า
“แมร่งไม่ใช่”
.
.
ไม่ว่าจะลองคิดทบทวน ความรู้สึกของตัวเองไม่ว่าจะกี่ครั้งกี่รอบมันก็
“ไม่ใช่!!!”
.
.
พรีมคิดว่าความยุติสัมพันธ์ของเรา คือสิ่งที่ดีต่อเราทั้งคู่ที่สุด
.
.
เรื่องราวที่มันเกิดขึ้น พรีมคงไม่อาจจะโทษใครได้
.
.
.
เวลาของเราที่อยู่ด้วยกันมันยังแสนสั้น เรายังปลีกตัวแยกทางจากกันได้ทัน
โดยที่เราต่างก็จะไม่เสียเวลาไปนานกว่านี้ เจ็บซ้ำซากไปกว่านี้
แล้วมันก็ทำให้เรารู้ตัวเองได้ว่า เราอย่างดึงดัน หรือดันทุรังเลย
.
.
การเปิดทางให้แต่ละฝ่ายให้เป็นอิสระ คือสิ่งที่ดีที่สุด
ช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันยังสั้นนัก
เกินกว่าที่เราจะใช้คำว่า”รัก”ได้ด้วยซ้ำ เรายังไม่มีกระทั่งความรู้สึก”ผูกพัน”
.
.
.
การ “จบ” ทุกอย่างระหว่างเราในวันนี้อย่างเร็วที่สุด
อย่างน้อยมันก็คือการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้พบสิ่งใหม่อย่างเร็วที่สุดไม่ใช่เหรอ
.
.
.
คนเราเกิดมาทั้งที อย่างน้อยก็ขอให้ตัวเองได้อยู่กับสิ่งอยู่ด้วยแล้ว
มีความสุขบ้างก็พอ อาจไม่ต้องมากต้องมาย
แต่พรีมแค่อยากอยู่ด้วยแล้ว “สบายใจ”
.
.
.
ชีวิต เป็นของเรา......ไม่ใช่เหรอ??????????.....
หรือไม่จริง????
.
.

๒๐ ความคิดเห็น:

  1. ความรักของเรา ชีวิตคู่ของเรา มันเริ่มเฉยชา
    เฉยเมย ไร้ความตื่นเต้น หมดความท้าทาย
    ...
    ความจริงเรื่องแบบนี้มันเป็นธรรมดาของทุกคู่นะ
    เมื่อผ่านความรักมาหลายๆครั้ง ก็เริ่มเข้าใจ และยอมรับมันได้
    ...
    ทีนี้ก็อยู่ที่ว่า จะอยู่กันไปแบบคู่ทุกข์คู่ยาก
    อยู่กันไปแบบเพื่อนข้างกาย
    หรือจะต้องการแค่รักวาบหวิวหยดย้อย
    ชวนให้หัวใจเต้นโครมครามในช่วงแรกๆ
    เบื่อก็หาใหม่ไปเรื่อย
    ...
    ลองดูพ่อกับแม่เราซิ่ อยู่กันมาตั้งกี่ปี
    ลองคิดดูว่าท่านแปรเปลี่ยนความรักแบบหวานแหววซาบซ่าเป็นอะไรได้บ้าง
    ไม่ใช่ว่าท่านจะไม่เบื่อไม่เซ็ง
    แต่การที่จะตกลงใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
    มันไม่ได้มีแค่อารมณ์รัก มันต้องยอมรับในสิ่งที่เปลี่ยนไปด้วย
    ...
    ในความชินชานั้น ลองถามตัวเองดูให้ดีว่ายังรักรึเปล่า
    ถ้ารัก มันก็อยู่กันได้ เป็นห่วงเป็นใยกัน หวังดีต่อกัน
    ...
    หรือบางทีมันอาจไม่ใช่รักตั้งแต่แรก
    เป็นแค่เพียงหลง..หลงในอารมณ์"รัก"
    ชื่นชอบในความตื่นเต้น กับสิ่งใหม่ๆ คนใหม่ๆ

    ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงต้องเปลี่ยนคนไปเรื่อยไม่สิ้นสุด
    ...
    ...
    ปล.ช่วงเวลาแบบนี้แหละ เป็นช่วงวัดใจ ว่ารักไม่รักเน้อ
    ...
    ดีแล้วที่ช่วงเวลาแบบนี้มาถึงเร็วจะได้ไม่เสียเวลามาก
    มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ คริคริ
    ...

    ตอบลบ
  2. มันเกิดอะไรขึ้นคุณพรีม

    ความรักบางครั้งก็ไม่ได้หอมหวานเลิศหรูนะคะ

    คนเราย่อมคาดหวังกับความรักอยู่แล้ว..ไม่ผิดหรอก

    แต่ไม่มีใคร perfect นะคะ..มองหารักครั้งใหม่

    บางครั้งก็ยาก..บางครั้งก็ง่าย

    ถ้าเจอคนที่เราคิดว่าใช่มันก็ดี..แล้วอะไรที่เรียกว่าใช่ล่ะ???

    เข้ากันได้..นิสัยเหมือนกัน..เอาใจใส่กัน..
    take care ชั๊นตัลหลอด หรือเปล่า???? เราต้องถามตัวเองดูน้า

    ถ้าเจอคนที่ใช่แล้ว..คบกันได้ไม่นานเค้าเริ่มมีอะไรที่เราไม่ชอบ

    เราต้องหาคนที่ใช่คนใหม่อีกหรือเปล่า...ดูมันเหนื่อยๆยังไงไม่รู้

    คือแจงก็ถามตัวเองแบบนี้ตัลดหลอดนะ..เจอมากะตัวเหมือนกัน

    แบบว่าของแจงนี่ไม่โทรหากัน..อยู่ห่างกัน..บางครั้งก็หายไปเลยเป็นอาทิตย์ [ไม่รู้เค้ามีคนอื่นป่าว...เหอะ เหอะ]

    แบบว่าโง่มาก...เรายังรักเค้าไงเลยยังอยู่ได้โดยไม่มีใคร 555+

    แต่ถ้าต่างคนต่างไม่รักกันแล้ว..

    ก็คงต้องคุยกันอ่ะเนอะว่าจะอยู่กันไปให้ทรมานกันทำไม

    เอาน่าๆ...ยังไงก็คิดดีๆนะคะ

    สู้ สู้ ^________________^

    ตอบลบ
  3. อ่านแล้วคิดถึงคนที่เรารู้จักคนหนึ่งเลย .. ความคิดและเหตุผลประมาณแบบนี้ ..


    เราเคยเป็นคนที่ถูกโดนให้เหตุผลแบบนี้ .. ยอมรับว่า ณ ช่วงเวลานั้นมันแย่ ยอมรับว่าไม่เข้าใจ ไม่ ไม่ ทุกอย่าง มีแต่คำถามว่าทำไม .. แต่เมื่อเวลาผ่านไปได้ เรากลับนึกขอบคุณคน ๆ นั้น ที่ทำให้ก้าวผ่านจุดนั้นมาได้ มันสิ่งที่ทำให้แกร่งขึ้น ความคิดและมุมมองใหม่ ๆ เกิดขึ้น

    เรามักจะคาดหวังกับทุกสิ่งที่เข้ามา ถึงแม้ปากจะบอกว่า "ฉันไม่ได้หวังอะไรเลย" แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ ทุกอย่างมันมีเริ่ม มันก็ต้องมีจบ เร็วบ้าง ช้าบ้าง สุดท้ายเราก็ต้องดูแลตัวและใจเราให้ดีที่สุด ไม่มีใครรู้และเข้าใจดีไปกว่าคนสองคนที่คบกัน .. หรือไม่มีใครที่เข้าใจเราไปมากกว่าตัวเรา นอกจากเราจะปรับตัวเข้าหากัน ถ้าปรับได้ ก็โอเค ถ้าไม่ได้ ก็จบ .. ชีวิตมันก็มีเท่านี้ ..



    ปล.อาจจะไม่เกี่ยวกับเนื้อหา .. แต่เรื่องที่คุณเขียนพาเรานึกย้อนไปถึงวันเก่า ๆ :)

    ยังไงก็ .. ทำให้ดีที่สุดนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม เพราะเมื่อไหร่ที่ทำดีที่สุดแล้ว .. เวลาจากไป .. จะได้ไม่เสียใจ กับสิ่งที่ยังไม่ทำ

    ตอบลบ
  4. อ่านแล้ว แอบลุ้น อยากให้มีจุดหักเหที่คุณพรีมบอกว่า ล้อเล่นอย่างงั้นอย่างงี้

    แต่อ่านจนจบแล้ว.....ไม่มี

    เอาเป็นว่า ไม่ว่าจะเป็นยังไง ขอให้คุณพรีมเดินในทางที่ถูกต้องและมีความสุขนะคะ ^^

    ตอบลบ
  5. อิห่า ...

    จะทำไร จะตัดสินใจอะไร

    บอกก่อนมารู้แบบนี้กุใจหาย


    .
    .
    .

    งานเขียนแบบ แอฟเตร็ก ส้นตรีนเล่นเอากุร้องจ๊าก

    ปล. อย่าให้ห่วงเยอะ มีไรโทรมานะ

    ตอบลบ
  6. เพื่อนพรีม ...

    ไม่ได้คุยกันนานมาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับเพื่อนนะ

    แต่ตกใจตั้งแต่เห็นท็อปปิคแล้ว

    เพื่อนพูดถูกที่ว่าคนเราพอคบใครแล้วก็มักจะเกิดความคาดหวัง

    ต่างคนต่างก็หวัง .....

    มันก็เลยทำให้เรามุ่งแต่จะมองหาสิ่งดี ๆ ในตัวของอีกฝ่าย

    ซึ่งในความเป็นจริง ไม่มีใครมีแต่จุดดีทั้งหมดหรอกจริงมั้ย

    โอเชื่อว่าการที่เราจะมีความรักและผูกพันกับใครซักคน

    มันไม่ใช่เรื่องการที่จะมานั่งฝันว่า เค้าจะเป็นคนที่ใช่สำหรับเรามั้ย

    แต่โอมองว่า ตัวเรา สามารถจะ " ยอม " และ " รับ "

    ใน " ความไม่ดี " ของคนที่เราจะอยู่ด้วยได้แค่ไหนต่างหาก

    ถ้าวันไหนเราตอบตัวเองว่า ทั้ง " ยอม และ รับ " ได้

    ไม่จำเป็นต้องทุกเรื่อง เหลือเอาไว้เป็นจุดให้เราปรับตัวหากันบ้าง

    เราจึงจะสามารถเรียนรู้ หรือขัดแย้งกันได้อย่างไม่อึดอัด

    การที่เราพบคนที่ใช่ .. มันอาจจะทำให้เรารักอย่างมีความสุขก็จริง

    แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คน ๆ นั้นบอกว่า เรา ไม่ใช่ สำหรับเค้า

    คนที่ใช่อาจจะกลายเป็นความทุกข์ที่สุดก็ได้ใช่มั้ย

    ลองทบทวนถึงสิ่งที่ผ่านมาดี ๆ แล้วกันนะเพื่อน

    ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็เป็นกำลังใจให้นะ

    โอเชื่อว่าเพื่อนพรีมต้องหาทางที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองได้อยู่แล้ว

    ^_____________________^

    ตอบลบ
  7. สั้นๆ ... ดูแลตัวเองบ้างนะพี่

    สู้ ... เป็นกำลังใจในทุกๆ เรื่อง*

    iCeCY*

    ตอบลบ
  8. เทคแคร์ครับเพื่อน





    ไซอิ๋ว กะ ชิชา










    ไซอิ๋ว กะ ชิชา

    ตอบลบ
  9. มันเป้นการตัดสิน หรือสับสน จนทำให้รู้ว่าบางครั้งพรีมเหนื่อยและไม่อยากเจอปัญหาเหล่านี้ เพราะมันก็เรื่องซ้ำ ๆ เดิมๆ
    บางทีพรีมอาจจะขอพักบ้างก็ได้ แต่บางคนอาจจะรับได้ที่พรีมเป็นแบบนี้
    และเค้าอยากเหนื่อยไปกับพรีมก็มีนี่
    ค่อยคุยกันน่ะ อย่าคิดอะไรคนเดียว เป็นห่วง
    ไหนจะงาน เรื่องส่วนตัว ความรัก มากมาย มันจะตีกันนะพรีม

    ตอบลบ
  10. คบกันนานวันก็เบื่อ ๆ อย่างนี้แหละคะ
    ต้องหากิจกรรมอะไรใหม่ ๆ ทำให้หายเบื่อ
    อย่าจากไปเสียเฉย ๆ ถ้าเค้าไม่ผิดอะไร สงสารเค้าออกนะ

    สู้ ๆ เอาให้สบายใจเถอะค่ะ

    ตอบลบ
  11. ^
    ^
    ^
    อุ๊ย ลืมลงชื่อ BeMuay ค่า
    แวะมาทักทายตามลิงค์ที่ส่งมาให้ค่ะ

    ตอบลบ
  12. กำลังมีความรู้สึกแบบนี้แว๊บๆเข้ามาเหมือนกันเลยค่ะ ยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำยังไงดี

    ตอบลบ
  13. เริ่มต้นอ่านก็แอบหวังว่าจะลงท้ายแบบหักมุม

    แต่พออ่านจบแล้วใจหายค่ะ

    ตอบลบ
  14. อยู่คนเดียวไม่สนุกหรอก เชื่อสิ

    อดทน แก้ปัญหากันก่อน

    ตอบลบ
  15. อะไรทำแล้วมีความสุข ทำไปเลยเจ๊

    น้องเอาใจช่วย สู้ๆ

    ตอบลบ
  16. อ่านแล้วเหวอ ทั้งตกใจและใจหาย
    แต่ก็เคารพการตัดสินใจของพรีมนะ
    เพราะความสุข ความทน ของตัวเอง คงรู้ดีกว่าใครๆ

    วันนี้ไม่คิกดีกว่า เพราะไม่เข้ากับสถานการณ์อ่ะ

    ... ...

    ตอบลบ
  17. เปนกำลังให้นะม่ายว่าจะอย่างรัย

    ขอให้คุนพรีม สู้ๆๆๆ

    แย้วผ่านช่วงเวลาแบบนี้ปายให้ได้เร็วที่สุดก็แย้วกัน

    ตอบลบ
  18. เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยย

    เป็นอย่างนี้ได้ยังไง...

    ลุ้นไปทุกบรรทัด อยากให้จบแบบหักมุม..

    *****
    ยอมรับว่า - -
    เวลาเรามองแบบคนนอก..
    เราจะเห็นแต่มุมที่แฮปปี้
    แต่คนสองคน
    ก็ยังคือ คนสองคนอ่ะนะ
    *****
    ไม่ว่าตัดสินใจอย่างไร

    ก็เป็นกำลังใจให้นะครับ

    ตอบลบ
  19. คิดว่า...

    น่าจะมีตอนต่อไป

    กลับมาจากระยองละ

    3 วัน 2 คืน

    ไม่ได้แตะน้ำทะเลเลย

    ฝนตก แต่....กินตลอดการเดินทาง

    ไปถึงโน้น ไม่วาย ไปกิน...

    เป็นเอามาก

    แต่ไงก็สู้ๆนะ

    ตอบลบ
  20. อิหอยยยยยยยยยย


    มาเฉลยเหอะคนป่วนไปทั้ง Blog

    ตอบลบ